Page 2 - Microsoft Word - บทที่ 2.doc
P. 2
-4-
หรือไม แตกลับถือวากฎหมายของรัฐที่บังคับใชเปนกฎหมายที่สมบูรณใชไดจริง มีความ แนนอนและเครงครัด จอหน ออสติน (JOHN AUSTIN) ค.ศ. 1790-1859 เปนผูตั้งและสอน วิชา JURISPRUDENCE ในอังกฤษ ในทศวรรษที่ 19 อันเปนยุคที่ความคิดเรื่องอํานาจ อธิปไตยของรัฐกําลังไดรับความนิยมนับถือ ซึ่งเชื่อมั่นวาการจัดการบานเมืองใหรุงเรือง จะตองกระทําการโดยอํานาจสิทธิขาดของรัฐ เขาไดใหความหมายของคําวา “กฎหมาย” วา กฎหมาย คือ คําสั่ง คําบัญชาของรัฎฐาธิปตย ซ่ึงบังคับใชกับราษฎรทั้งหลาย ถาผูใดไม ปฏบิ ัติตามโดยปกติแลวผูนั้นตองรับโทษ
นอกจากปรัชญาทางกฎหมายทั้งสองสํานักนั้นแลว ยังมีนักปราชญสํานัก ความคิดอื่นๆ ที่มีความคิดเห็นคลายคลึงกับสํานักความคิดกฎหมายธรรมชาติ นั่นคือ เห็น วากฎหมายเปนส่ิงที่คูกันกับสังคมดังเชน สํานักประวัติศาสตร สํานักความคิดทางกฎหมาย ฝายคอมมิวนิสต สํานักความคิดทางสังคมวิทยาทางกฎหมาย สํานักความคิดทางสัจจนิยม ทางกฎหมาย
โดยสรุปแลว นักปราชญทางกฎหมายจากสํานักความคิดตางๆ ก็ไดพยายามที่ จะใหความหมายของคําวา “กฎหมาย” ใหไดความหมายที่ชัดเจนที่สุด สําหรับประเทศไทย นักกฎหมายที่สําคัญ อาทิเชน พระเจาบรมวงศเธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ไดรับสมญา วาพระบิดาแหงกฎหมายไทย ทรงใหคําจํากัดความวา “กฎหมาย คือ คําสั่งทั้งหลายของ ผูปกครองวาการแผนดินตอราษฎรทั้งหลาย เมื่อไมทําตามแลวตามธรรมดาตองโทษ” นอกจากนี้ยังมีนักกฎหมายทานอื่นๆ ก็อธิบายทํานองเดียวกันนี้
ศาสตราจารย เอกูต อธิบายวา “กฎหมายเปนคําสั่งหรือขอหามซึ่งมนุษยตอง เคารพในความประพฤติตอเพื่อนมนุษยดวยกัน อันมาจากรัฏฐาธิปตยหรือหมูมนุษย มี ลักษณะทั่วไปใชบังคับไดเสมอไปและจําตองปฏิบัติตาม”
ฉะน้ัน แมจะมีคํานิยามวาอยางไรก็ตาม ตางก็ไมสามารถที่จะอธิบายวา “กฎหมาย” ไดครบถวน ทั้งนี้ เพราะกฎหมายมีความเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยูเสมอ ดวย สาเหตุจากวิวัฒนาการของสังคมและกฎหมายนั่นเอง3
3 นุชทิพย ป. บรรจงศิลป. (2544). เอกสารประกอบการสอนวิชาความรูเบื้องตนเกี่ยวกับ กฎหมาย. หนา 11-13.