Page 258 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 258

190
สังเกตไหมว่า พอเราเจริญสติต่อเนื่องแบบนี้ แม้ฝันเขาก็ยังทางาน เพราะฉะนั้น ถึงเวลาสุดท้าย เวลาใกล้ตาย ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเขาลุกขึ้นมาทางานเอง ถ้าปฏิบัติแบบนี้มาก ๆ เจริญสติต่อเนื่องมาก ๆ เดี๋ยวเขาก็จัดการเอง เขาเรียกว่าเป็นอาจิณกรรม ทาเป็นปกติจนเป็นวสี เป็นเรื่องปกติเลย รู้สึกทันที รู้สึกทันที... แล้วเขาก็ต้องทาหน้าที่ของเขา เพราะเรามีเป้าหมายที่จะทาแบบนี้ มีเจตนาที่จะกาหนดรู้แบบนี้ จึงบอกว่าเป้าหมายหรือเจตนาในการกาหนดรู้เป็นสิ่งสาคัญ เรามีเจตนาที่จะรู้อาการพระไตรลักษณ์ทุก ๆ อารมณ์ สังเกตเลยนะ ออกไปโยมเห็นอะไรมันก็ดับ เห็นอะไรก็ดับ... มันจะสนใจอาการเกิดดับมากกว่า การตั้งอยู่
เมอื่ กอ่ นสนใจแตม่ นั ตงั้ อยู่ ตงั้ อย.ู่ ..เพอื่ ทจี่ ะยดึ ตอนนสี้ นใจทจี่ ะรู้ ออ๋ ! ผา่ นไปแลว้ นะ ผา่ นไปแลว้ นะ...เพื่อที่จะละ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ คลายจากอุปาทานมากขึ้น อ๋อ! เครียดแล้วนะ คิดแล้วนะ ไปรู้ อ้าว! ดับ ไปแล้ว พอเริ่มจะหงุดหงิด ไปรู้ อ้าว! เขาดับแล้ว นี่คือเขาจะทางานเอง เพราะถ้าเรามีเจตนาที่จะละอารมณ์ เหล่านี้ มันจะทางานเอง สัญญาเกิดขึ้นมาแล้วก็ทาหน้าที่ของเขา เพราะฉะนั้น การมีเจตนาที่จะรู้ถึงอาการ เกิดดับจึงเป็นสิ่งสาคัญ เพื่อรู้อาการพระไตรลักษณ์ ใช้คาว่ารู้อาการเกิดดับ เกิดดับ... จริง ๆ คืออาการ พระไตรลักษณ์ การเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ความไม่แน่นอนของอารมณ์ ตรงนี้แหละ
ทนี ี้ การเจาะสภาวะดอี ยา่ งไร ? ทดี่ กี ค็ อื วา่ ทกุ ครงั้ ทมี่ ี “เจตนา” ทจี่ ะรอู้ าการพระไตรลกั ษณ์ สมาธิ จะมาทันที จิตจะตั้งมั่นขึ้นทันที แม้แต่เจตนาที่จะรู้อาการเกิดดับของความคิดความฟุ้งซ่านก็ตาม สังเกต ไหมตอนทเี่รารสู้ึกฟงุ้ซ่านพอเรามเีจตนาที่จะร้คูวามฟงุ้ซ่านปบุ๊จิตมันเรมิ่นิ่งขึ้นก็เริ่มแยกระหว่าง“ความ ฟุ้งซ่าน” กับ “ตัวจิตที่รู้ถึงความฟุ้งซ่าน” โดยอัตโนมัติเลย พอจะดูปุ๊บเขาก็นิ่ง พอจะดูปุ๊บก็นิ่ง... กลายเป็น สมาธิเราเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น... ตรงนั้นแหละเป็นการเพิ่มสมาธิไปในตัว ที่เรียกว่าขณิกสมาธิ สมาธิสั้น ๆ ชั่ว ขณะหนึ่ง ๆ ทีละขณะ ทีละขณะ ทีละขณะ...
การทเี่ รามเี จตนาทจี่ ะรแู้ ตล่ ะขณะ ทกุ ครงั้ ทมี่ เี จตนาทจี่ ะร.ู้ ..เขากห็ ยดุ นดิ หนงึ่ เจตนาทจี่ ะร.ู้ ..กห็ ยดุ นิดหนึ่ง ตรงที่หยุดนิดหนึ่งนี่แหละ นิดหนึ่ง นิดหนึ่ง นิดหนึ่ง... หลาย ๆ นิด มันก็ยาวขึ้น เหมือนกับน้าที่ หยดลงตมุ่ ทลี ะเมด็ ทลี ะเมด็ ถา้ ตมุ่ ไมร่ วั่ เดยี๋ วเขากเ็ ตม็ เอง ถา้ เรามเี จตนาทจี่ ะกา หนดรแู้ บบนี้ เพราะฉะนนั้ การเจาะสภาวะ ยิ่งมุ่งยิ่งนิ่ง มันกลายเป็นว่าทั้งสติ-สมาธิ-ปัญญาจะไปด้วยกัน และเวลาเรากาหนดแบบนี้ อารมณ์จะกลายเป็นเอกัคคตารมณ์ มีอารมณ์เดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ มันจะไม่ฟุ้งซ่านซัดส่ายไปนู่นไปนี่ พอมุ่งจบ อันนี้จบ
ถ้าใครมุ่งแบบนี้เป็น การเจาะสภาวะ-รู้ชัดว่าเรากาลังเจาะสภาวะกาหนดอาการเกิดดับของอะไร ที่ บอกว่าจิตเราจะเป็นระเบียบมากขึ้น ก็จะจบเป็นเรื่อง ๆ แม้ชีวิตของเราก็จะจบเป็นเรื่อง ๆ ไปในตัว มันจะ ไม่เดี๋ยวอย่างนั้นเดี๋ยวอย่างนี้ เอาอันนั้นดีกว่าเอาอันนี้ดีกว่า อันนี้จะจบไป ก็จะแก้ปัญหาของอุปนิสัยตรง นั้นไปในตัว เพราะว่ามันจะเห็นชัดว่าประโยชน์ของการดูจนจบนั้นเป็นอย่างไร การทาให้จบทีละอย่าง ทีละ อย่าง ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร แล้วการเจาะสภาวะ หรือการรู้อารมณ์ปัจจุบัน ถ้าเราพิจารณาดี ๆ เราจะเป็น คนรู้จักเลือกอารมณ์ในชีวิตของเราด้วย


































































































   256   257   258   259   260