Page 356 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 356

288
ที่เราบอกว่า ต้องมีขันติในการที่จะกาหนด ในขันธ์ ๕ ก็มีอยู่แล้ว...ในอินทรีย์ ๕ ก็มีแล้ว ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญาของเรา ต้องใช้อยู่เนือง ๆ แต่ทีนี้จะแยกเป็นทีละส่วน ในการกาหนดอารมณ์ การที่ เราจะเพมิ่ ความมงุ่ มนั่ ทเี่ ราปฏบิ ตั ธิ รรมแลว้ เกดิ ความรสู้ กึ วา่ มคี วามเชอื่ มนั่ ในธรรมะทเี่ กดิ ขนึ้ วา่ เสน้ ทางนี้ จะเป็นไปได้ นั่นคือเกิดจากการปฏิบัติที่เรียกว่า ภาวนามยปัญญาของเรา ที่เราปฏิบัติ เริ่มต้นที่การแยกรูป แยกนาม แยกกายแยกจิต เห็นจิตเห็นรูปนามเป็นคนละส่วนกัน
ถ้าเราพิจารณาเห็นรูปนามเป็นคนละส่วนกัน แล้วจิตใจเกิดความโล่ง รู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึกเบา รู้สึกสบาย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นมาหายไป แล้วรู้สึกโล่งขึ้น โปร่งขึ้น เราจะรู้สึกสบายว่า อ๋อ! นี่การเห็น การ เห็นถึงความเป็นคนละส่วนระหว่างรูปกับนาม แล้วความทุกข์ดับไป ทุกข์ที่เคยแบกมา เคยติดอยู่ ค้างอยู่ ในใจ พอเหน็ วา่ รปู นามนไี้ มเ่ ปน็ อนั เดยี วกนั เปน็ คนละสว่ นกนั แลว้ พจิ ารณาเหน็ วา่ รปู นามนไี้ มม่ ตี วั เราของ เรา จิตเกิดความเบาไป โล่งไป
แต่ถ้าเรารู้สึกโล่งไป เบาไป รู้สึกสบายขึ้น รู้สึกดี รู้สึกดีกับอารมณ์ กับความรู้สึกแบบนี้ เราจะเห็น ชัดว่า การที่จะละ ละอกุศลหรือละความทุกข์ ก็ด้วยการกาหนดรู้แบบนี้ แล้วความทุกข์ก็ดับไป หายไป แต่ ถ้าเรามีเจตนา ถ้าเรามีเจตนาที่ชัดเจนตั้งแต่แรกว่า เราต้องการปฏิบัติธรรมที่จะละทุกข์ ดับทุกข์ พอปฏิบัติ แบบนี้ กาหนดรู้แบบนี้ เห็นชัดว่ารูปนามแยกส่วนกัน จิตรู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึกเบา ความทุกข์หายไป เรา จะมั่นใจว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น สามารถชาระหรือละดับทุกข์ได้จริง แม้ช่วงขณะสั้น ๆ ก็ตาม
ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่เห็นว่า กายกับจิตแยกส่วนกัน แล้วพอเป็นแบบนี้ สิ่งที่ตามขึ้นมาคืออะไร คือเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในธรรมะ ในคาสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่เราจะรู้สึกชัด อย่างนี้ สาหรับบุคคลที่รู้สึกว่า ในระหว่างชีวิตที่ผ่านมา มีความทุกข์เกาะเกี่ยว เกาะกุมอยู่เนือง ๆ จะเห็น ถึงความชัดเจนว่า เมื่อไหร่ที่แยกรูปนาม รูปกับนาม กายกับใจแยกจากกัน มีความชัดเจน จิตจะรู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่งเบาขึ้นมา เหมือนได้สลัดความทุกข์ออกไป ละความทุกข์ออกไป ก็จะแยกชัดว่าตรงนี้แหละ การ ปฏิบัติแล้ว การเห็นรูปนามเป็นคนละส่วนกัน การเห็นความไม่มีตัวตน เกิดความรู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึก เบาสบาย
บางครั้งเกิดปีติขึ้นมา เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ศรัทธาในธรรมะ ศรัทธาในพระพุทธเจ้า คาสอน ของพระผู้มีพระภาคเจ้า และศรัทธาในธรรมะที่เกิดขึ้น ว่าธรรมะของพระองค์นั้นสามารถช่วยได้จริง อันนี้ อยา่งหนงึ่เมอื่ไหรก่ต็ามทเี่กดิความรสู้ึกแบบนี้เกดิปตีขิึ้นมาจากการปฏบิตัิจากภาวนามยปญั ญามคีวาม ปตีิมคีวามอมิ่ใจเกดิขนึ้มาความศรทัธากเ็กดิขนึ้ความศรทัธาความเลอื่มใสศรทัธาในธรรมะคาสอนของ องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ กเ็ กดิ ขนึ้ มา ตรงน.ี้ ..เมอื่ มคี วามศรทั ธา มคี วามเชอื่ มนั่ เกดิ ขนึ้ แลว้ จงึ ทา ให้ คนเราเกิดมีความเพียร เขาเรียกว่ามีความเพียร มีความขยัน อยากจะปฏิบัติต่อไป อยากจะปฏิบัติให้ ต่อเนื่อง
จริง ๆ แล้ว ตรงที่เราอยากปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง เขาเรียกว่าอะไร...เป็นการดาริชอบ ดาริที่จะ ออกจากกาม ดา รทิ จี่ ะออกจากทกุ ข์ ดา รทิ จี่ ะปฏบิ ตั ธิ รรม เพอื่ เดนิ ทางตามรอยตามคา สอน ขององคส์ มเดจ็


































































































   354   355   356   357   358