Page 457 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 457

389
แม้แต่เวลานอน เวลานอน เราก็แยกรูปนามก่อน ทาจิตให้ว่าง เติมความสุขก็ได้ แล้วเอาจิตที่ว่าง ๆ ที่มีความสุขคลุมตัว แล้วก็นอนหลับ เราก็จะได้นอนหลับอยู่ในความสุข นอนหลับในความสุข นั่งก็นั่งอยู่ ในความสุข เดินก็เดินอยู่ในความสุข จะยืนก็ยืนอยู่ในความสุข เวลาจะพูด ก็มีความสุขห่อหุ้มคาพูด ออกมา เวลาทานอาหารก็ทานอยู่ในความสุข เวลากลืนอาหารก็กลืนความสุขเข้าไป ไม่ต้องกลืนอาหารนะ กลืนความสุขอย่างเดียว กลืนเข้าไปอย่างมีความสุข เราเห็นจิตตัวเองอย่างต่อเนื่อง เห็นถึงความรู้สึกอย่าง ต่อเนื่องไป กลืนแบบนี้นะ...ไม่มีตัวตน ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นเรา
สงิ่ เหลา่ นนี้ แี่ หละ เปน็ สงิ่ ทกี่ ารสงั เกตแบบนนี้ ะ จะทา ใหส้ ภาวธรรมในการปฏบิ ตั เิ รา มคี วามตอ่ เนอื่ ง โดยที่ว่า สติเราต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ เพราะจิตจะมีอารมณ์ใหม่ให้รับรู้ต่อเนื่อง ไม่มีอะไร ก็มีความว่างให้รับรู้ ไม่มีอะไร ก็มีความว่างให้จิตรับรู้ ไม่มีความว่าง เดี๋ยวถ้าไม่มีความว่าง ไม่ต้องห่วง มีจิตให้รับรู้อยู่แล้ว แม้แต่ความง่วง ก็ยังเป็นอารมณ์ของจิตเรา เพราะฉะนั้น เราจะมีอารมณ์ให้รับรู้ พร้อมที่จะรู้แบบนี้ การที่ รู้ต่อเนื่องแบบนี้ เดี๋ยวสภาวะก็จะก้าวหน้า ๆ ไปเรื่อย ๆ
เพราะฉะนั้นนะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของคอร์ส แต่อาจารย์รู้สึกว่า เหมือนไม่ใช่วันสุดท้าย ก็เลยพูด แบบนี้นะ ถ้าปกติก็ให้พรแล้วก็จบแล้ว ใช่ไหม เพราะพรุ่งนี้ต้องแยกย้ายกัน ก็ฝากวิธีการ ฝากอะไรให้เรา นา ไปทา ในชวี ติ ประจา วนั แตท่ มี่ าทนี่ นี่ นี่ ะ ตอ้ งไมม่ วี นั สดุ ทา้ ยนะ สดุ ทา้ ยคอื จบ ๆ แลว้ จบพรหมจรรยแ์ ลว้ ก็ค่อยว่ากันนะ ถ้าจบพรหมจรรย์แล้ว อันนั้นไม่ต้องห่วงแล้ว แต่เหมือนที่เราต้ังจิตปรารถนานะ เมื่อคืน นี่นะ ปีหน้า ปีนี้แหละ ปีที่แล้ว ปีที่แล้วเราก็เพียร ๆ ๆ พอสมควร พอถึงปีนี้ เราก็จะต้องเพียรต่อไปนะ
ที่บอกว่า ถ้าใครขี้ลืมก็หาปลาตะเพียนมาแขวนคอ ใส่สายสร้อยเป็นเครื่องประดับ เดินแล้วก็ แว็บ ๆ ๆ ตั้งเงาเลยนะ เพื่อนจะได้ถาม มีเครื่องประดับ เงาสวย แว็บ ๆ จัง อะไร ปลาตะเพียน อ๋อ!ต้อง เพียร ขนาดปลายังเพียรเลยนะ จะได้เตือนตัวเอง เพราะฉะนั้น ก็ขออนุโมทนาบุญกับโยคีทุก ๆ คน ที่ได้ ร่วมกันปฏิบัติธรรมในคอร์สนี้ ถือว่าเป็นการบาเพ็ญเพียร เจริญวิปัสสนากรรมฐาน เป็นการมาพัฒนา สติสมาธิปัญญาให้แก่กล้ายิ่งขึ้น ทาจิตของตนให้มีพลัง ที่เต็มไปด้วยบุญกุศล เต็มไปด้วยอานุภาพ เพื่อ เป็นตัวเกื้อหนุน ให้ชีวิตของเรา มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นทางโลก หรือทางธรรมก็ตาม
เพราะฉะนั้น ด้วยอานิสงส์ของบุญกุศล ที่เราได้บาเพ็ญเพียรกันมา ขออานิสงส์เหล่านั้นจงเป็น ปัจจัย ให้ทุก ๆ คนมีแต่ความสุขความเจริญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอให้มีความเจริญในธรรม ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกว่าจะเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ด้วยกันทุกคนเทอญ
ลืมอะไรล่ะ ลืมแผ่เมตตา ว่าแล้วนี่นะ ลืมอะไรสักอย่างหนึ่ง นั่งนิดหนึ่ง วันสุดท้ายแล้ว จะลืมได้ อ ย า่ ง ไ ร อ ตุ ส า่ ห ส์ งั ่ ส ม บ ญุ ม า ต งั ้ เ ย อ ะ บ า เ พ ญ็ เ พ ยี ร ม า ต งั ้ เ ย อ ะ ม บี ญุ เ พ มิ ่ พ ล งั ม า ข อ ท า ค ว า ม เ ข า้ ใ จ น ดิ ห น งึ ่ น ะ พูดถึงเรื่องการแผ่เมตตานิดหนึ่ง เอ่อ!ที่อาจารย์ก่อนจะแผ่เมตตาทุกครั้งนี่นะ อาจารย์ให้น้อมถึงระลึกนึก ถงึ บญุ นอ้ มถงึ บญุ กศุ ลเขา้ มาใสใ่ จของเราใหเ้ ตม็ เพราะวา่ ถา้ จติ เรามพี ลงั เวลาเราสง่ บญุ นะ คอื สง่ พลงั บญุ อันนี้ไป ไม่ใช่แค่คิด ไม่ใช่แค่ท่อง เราให้ด้วยใจจริง ๆ เหมือนจิตเรามีความสุข เราส่งความสุขไป


































































































   455   456   457   458   459