Page 638 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 638

570
อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งดีกับเราไหม ? ถ้าดีกับเราได้ กับคนอื่นไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้นไป เรื่อย ๆ เราจะเห็นว่าเมื่อมีเจตนาที่ไม่ดีเมื่อไหร่ความทุกข์จะเกิดขึ้นทันที มีเจตนาที่ดีเมื่อไหร่จิตก็จะ รู้สึกดีขึ้นทันที
เพราะฉะนนั้ ไมว่ า่ จะเปน็ การกระทา คา พดู ความคดิ ของเรา ถา้ มบี รรยากาศรองรบั เขาจะมตี วั กรอง ในตัว มีบรรยากาศคัดกรองทั้งคาพูดทั้งการกระทาของเราให้เหมาะสม อันนี้ต้องพิจารณาบ่อย ๆ สังเกต อยู่เนือง ๆ เขาจะละเอียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลังของสติของสมาธิของปัญญาของเรา สติ-สมาธิ-ปัญญา พัฒนาขึ้นได้เสมอ เคล็ดลับก็คือ ความพอใจ ใส่ใจที่จะรู้บรรยากาศสภาพจิตของตัวเองอยู่เนือง ๆ แค่นั้น เอง! จาไว้ พอใจ พอใจ พอใจ จะได้พัฒนา พอใจไม่ใช่พอแล้ว ถ้าพอแล้วก็พัฒนาไม่ได้แล้ว แต่ถ้าพอใจ ก็จะมีการพัฒนา มีความผ่องใส มีความเพียรมีความขยันมากขึ้น เพราะฉะนั้น คาว่า “พอใจ” จึงพัฒนา ต่อไปแต่ถ้าพอแล้ว ก็หยุดอยู่กับที่แล้ว พัฒนาไม่ได้แล้ว
ธรรมะพัฒนาอะไร ? พัฒนาสติ พัฒนาสมาธิ พัฒนาปัญญา เราต้องพัฒนาอยู่เนือง ๆ ถ้าเรารู้สึก ว่าเรายังเห็นสภาวะไม่ชัดเจน ยังเข้าใจไม่แจ่มแจ้ง ก็ต้องใส่ใจ มีความพอใจที่จะเข้าไปสังเกตกาหนดรู้อยู่ เนือง ๆ พิจารณาให้ชัดด้วยตาปัญญาของเรา จนเราเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเป็นอย่างนั้น ๆ ไม่สามารถเป็น อย่างอื่นไปได้ เป็นไตรลักษณ์—เป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง เป็นอนัตตา เป็นภาวะอารมณ์ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นเพียงสภาวธรรมที่กาลังเป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น ให้ใส่ใจกัน... ต่อไปเดี๋ยวอาจารย์จะไม่ใช้ เสียง เราจะได้นั่งพิจารณาทบทวนสภาวะ ดูบรรยากาศสภาพจิตไป จนกว่าจะเห็นสมควรแก่เวลา จากนั้น จะได้แผ่เมตตากัน
ลองสารวจตรวจสอบดูว่าบรรยากาศสภาพจิตตอนนี้เป็นอย่างไร จิตที่เป็นบรรยากาศนั้นให้กว้าง ออกไปไมม่ ขี อบเขต คา วา่ “ไมม่ ขี อบเขต” กต็ อ้ งสา รวจดวู า่ จติ ทใี่ สไมม่ ขี อบเขตนนั้ ดอี ยา่ งไร จติ ทสี่ งบไมม่ ี ขอบเขตดีอย่างไร เขามีความสุขด้วยไหม... ถ้ามีความสุขด้วย ลองดู สุขแบบกว้างไม่มีขอบเขตดีอย่างไร ? นนั่ คอื การพจิ ารณาดบู รรยากาศทรี่ องรบั แลว้ กล็ องทบทวนดวู า่ (บรรยากาศ)ยงิ่ กวา้ งไมม่ ขี อบเขต อารมณ์ ต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นมาเขารบกวนจิตใจหรือเปล่า บีบคั้นจิตใจให้เป็นทุกข์ไหม หรือว่าเป็นอย่างไร นี่จะทาให้ เรารู้ถึงประโยชน์หรืออานิสงส์ของการที่มีบรรยากาศรองรับอารมณ์ต่าง ๆ ขอให้ตั้งใจกัน
สมควรแก่เวลาแล้ว ต่อไปเราจะแผ่เมตตากัน ก่อนแผ่เมตตาทุกครั้ง ขอให้เราน้อมถึงบุญกุศลที่ เราได้ทา น้อมเข้ามาใส่ใจของเราให้เต็ม เต็มทั้งตัว เต็มทั้งความรู้สึกแล้วก็บรรยากาศ เมื่อรู้สึกว่าจิตเรา เต็มไปด้วยพลังแห่งบุญแล้ว ให้อธิษฐานจิตให้กับตนเอง ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลว เป็นปัจจัย ให้เราเป็นผู้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม แล้วเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน จากนั้นให้ แผ่จิตที่เป็นบุญอันนี้ให้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ ให้กว้างเท่าจักรวาล...
แล้วตั้งจิตอธิษฐานแผ่บุญกุศลอันนี้ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เทวดาทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้และ ที่อื่น ๆ จงรับรู้ถึงบุญกุศลที่เราได้แผ่ไปแล้วนี้ เมื่อรับรู้แล้วก็ขอให้อนุโมทนา เมื่ออนุโมทนาแล้ว ถ้ามีทุกข์


































































































   636   637   638   639   640