Page 70 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 70

2
ทีนี้ เมื่อเราหลับตาพิจารณา จิตเราว่าง กว้าง สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปก็คือ อาการของรูป อาการของกาย อาการของเสียง หรืออาการอะไรที่ปรากฏขึ้นมาในบรรยากาศที่ว่าง ๆ ในจิตที่ว่าง ๆ มีอาการอะไรปรากฏ ขึ้นมา
ที่ถามว่า “อาการอะไร?” ในที่นี้นั่นคือให้สังเกต พอสังเกต จิตเราจะมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งให้ รับรู้อยู่เสมอซึ่งเป็นอารมณ์ปัจจุบัน เพราะฉะนั้น เมื่อจิตว่างแล้ว เขาก็จะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏ ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอาการของลมหายใจ มีอาการกระเพื่อมไหว มีความเย็น หรือมีความคิด อย่างใดอย่าง หนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาให้จิตเรารับรู้ ทีนี้ เมื่อจิตเราว่างอยู่ แต่มีอารมณ์ปรากฏขึ้นมาในที่ว่าง ๆ ให้รับรู้ หน้าที่ ของเราในการเจริญวิปัสสนานั้น การยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา คือการเข้าไปพิจารณาอาการเกิดดับ หรือเข้าไป กาหนดรู้การเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปของอารมณ/์ของสภาวธรรมที่กาลังปรากฏอยู่เฉพาะหน้าเรา
เพราะฉะนั้น อารมณ์ไหนชัด นั่นคือสภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นมาให้เราเห็น ถ้าเป็นความคิดเกิด ขึ้นมา นั่นก็คือสภาวะที่ปรากฏขึ้นมาให้เราได้รู้ได้เห็น เมื่อเห็นแล้วเราทาอย่างไร ? หน้าที่ของผู้ปฏิบัติ เราจะไมล่ มื วา่ เราศกึ ษาธรรมะของพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธเจา้ บอกวา่ “สญั ญาไมเ่ ทยี่ ง สงั ขารไมเ่ ทยี่ ง” เพราะ ฉะนั้น ความคิดก็เกิดขึ้นจากสัญญา คือเรื่องราวในอดีตที่จาได้ แล้วก็กาลังคิดต่อไป ตรงนั้นเขาเรียกการ ปรงุ แตง่ ตอ่ เปน็ ตวั สงั ขาร หนา้ ทขี่ องเราคอื เขา้ ไปกา หนดรคู้ วามจรงิ ของตวั ความคดิ เองวา่ ทไี่ มเ่ ทยี่ งเขาแสดง อาการอย่างไร เขามีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เขาเกิดแล้วเขาดับในลักษณะอย่างไร
แค่เราพอใจที่จะรู้ถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของความคิดนั้น ๆ โดยท่ีไม่ต้องปฏิเสธ ไม่ต้อง ไปกงั วล ไมต่ อ้ งกลวั มากม็ า ฉนั จะดวู า่ จะดบั อยา่ งไร เรอื่ งนมี้ า/ภาพนมี้ า...ดบั แบบนี้ เรอื่ งใหมม่ าอกี แลว้ ... แล้วดับอย่างไร เรื่องนั้นขึ้นมาดับอย่างนี้ เรื่องนี้ขึ้นมาดับอย่างนี้... แล้วลองสังเกตดูสิว่า ความคิดที่เกิดขึ้น มา/ เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับจิตที่ว่าง ๆ ที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน ? จิตที่ว่าง ๆ ที่ เบา ๆ ทที่ า หนา้ ทรี่ เู้ รอื่ งทคี่ ดิ กบั ความคดิ เขาเปน็ สว่ นเดยี วกนั หรอื คนละสว่ นกนั ? ถา้ เหน็ วา่ เปน็ คนละสว่ น กัน จะได้ไม่ต้องกังวล นั่นคือธรรมชาติอย่างหนึ่ง
เมื่อเป็นคนละส่วนกันแล้ว จะกังวลกับเขาทาไม!? เขาทาหน้าที่ของเขาไป เราก็ทาหน้าที่ของเรา เขาทาหน้าที่ของเขา มีเรื่องให้คิดเขาก็เกิดขึ้นมา หน้าที่ของเราคือ มีสติเข้าไปกาหนดรู้ ดูว่าคิดแล้วดับ อย่างไร เรื่องนี้เข้ามาดับแบบนี้ เรื่องนี้เข้ามาก็หายไปอีก... แล้วทาไมต้องกังวล ทาไมต้องเครียดกับการ เกิดขึ้นของความคิด ? อย่างที่บอกแล้วว่า ถ้าเราเข้าถึงแล้ว ทาไมต้องไปกังวลไปเครียด เพราะนั่นคือ ธรรมชาติ การพิจารณาตรงนี้แหละเราจะได้เห็นความจริงของชีวิตเรา ชีวิตทั้งชีวิตไม่มีอะไรเลยที่จะอยู่ นิ่ง ๆ ว่างเปล่าเหมือนกล่องเปล่าถ้าเราไม่มีสติ
การทเี่ ราไดเ้ หน็ ไดส้ า รวจดกู ายดจู ติ ตวั เองอยา่ งนี้ จะไดเ้ หน็ ชดั ๆ วา่ ภายในจติ ใจของเรามอี ะไรอยู่ มีอะไรเกิดขึ้น มันมีความรกรุงรังมากน้อยแค่ไหน มีความขุ่นมัว มีอะไรเกะกะเยอะแยะมากน้อยแค่ไหน เราจะไดส้ ะสาง! ทกุ ครงั้ ทคี่ วามคดิ ขนึ้ มา แลว้ เราพจิ ารณาถงึ การเกดิ ขนึ้ -ตงั้ อย-ู่ ดบั ไปของเขา กเ็ หมอื นการ สะสางออกไปจากใจของเราทุกครั้ง ทุกครั้ง... มีอะไรโยนเข้ามาในห้องเรา อันไหนที่ดีก็จัดเป็นระเบียบไป


































































































   68   69   70   71   72