Page 922 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 922
854
พูดมาเมื่อกี้นี้ว่า ทาไมพระพุทธเจ้าตั้งจิตอธิษฐานแล้ว กว่าจะ อ่า! ไม่ใช่...พระพุทธเจ้า พระพุทธโคดม ของเรา กว่าจะบรรลุเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้เวลาตั้ง ๔ อสงไขยกับแสนกัป กว่าที่จะบรรลุเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
นั่นคือ สิ่งเหล่านี้มาจากอะไร สิ่งเหล่านี้ ที่เรารู้ประวัติเหล่านี้ เพราะพระพุทธองค์ทรงระลึกชาติ ย้อนเวลากลับไปได้ว่า จุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหน ใช้เวลานานเท่าไหร่ คาอธิษฐานนั้นจึงสัมฤทธิ์ผล ความ บาเพ็ญเพียรปฏิบัติเกิดขึ้นมา แล้วสั่งสมบารมีต่อเนื่องไป ในแต่ละภพชาตินั้นเป็นอย่างไร นั่นคือตัวอย่าง หนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟัง ที่เราสามารถน้อมเข้ามาพิจารณาตัวเราว่า แล้วตัวเราปฏิบัติมากี่ปีแล้ว ได้อธิษฐาน จิตบ้างหรือยัง หรือปฏิบัติไปอย่างนั้นแหละ เขาว่าดีก็ดีตามเขา
แต่เป้าหมายของการปฏิบัติ กลายเป็นว่า บางครั้งรู้สึกว่าธรรมะดี แต่ทาไปแค่ เอ่อ! เหมือนกับทา แบบอยากรู้ไปก่อน เป้าหมายยังไม่ชัดเจน เอาไว้ทีหลัง แต่การตั้งจิตนี่นะ ถ้าเราฟังธรรมะ เราศึกษาธรรมะ เราฟังธรรมะ บางคนรู้ว่าธรรมะเป็นสิ่งที่ดี การพ้นทุกข์เป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไม่รู้หรอกว่า การพ้นทุกข์นี่นะ ไปทางไหน วิธีไหนทางไหน ถึงจะไปหาความดับทุกข์นั้นได้ แต่ตั้งจิตเลยว่า เราจะหาทางออกจากทุกข์ การกระทาของเรา การปฏิบัติของเรา ให้เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่
และเมื่อตั้งจิตอย่างนี้ ถ้าเราตั้งจิต บางคนถ้าตั้งจิตเสร็จแล้วนี่นะ จะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อ คอยผลักดันให้การกระทาของตนนั้น แสวงหาทางที่จะออกจากทุกข์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเห็นจุดหมาย ปลายทาง เหน็ เสน้ ทางของตวั เอง แลว้ กล็ งมอื กระทา แลว้ กล็ งมอื กระทา มคี วามเพยี รปฏบิ ตั ิ ทา ใหม้ ปี ญั ญา และเกิดขึ้น จนถึงเป้าหมายในชีวิต ในคาอธิษฐานของตนได้
และเราก็เหมือนกัน เราอธิษฐานจิตเสร็จ เราอธิษฐานจิต ทุกครั้งเวลาขึ้นกรรมฐาน ขอขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ และวิปัสสนาญาณ จงเกิดขึ้น ให้เกิดขึ้น มีในขันธสันดานของข้าพเจ้าเพื่อการ ดับทุกข์ บางครั้งลองสังเกตดูว่า คากล่าว เวลาเรากล่าวคาอธิษฐานแบบนี้นะ จิตเรามีความเชื่อมั่นในตัว เองมากแค่ไหน เรามีความเชื่อมั่น มีความแน่วแน่ ในคาอธิษฐานของตัวเองมากแค่ไหน หรือเป็นแค่เพียง พิธีการ อันนี้สาคัญมาก ๆ นะ เราแค่ทาตามพิธี กับทาด้วยความรู้สึก ว่านั่นคือเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ควรทา
แลว้ ลองดวู า่ ถา้ เราทา แบบนนั้ ทา ดว้ ยใจเมอื่ ไหร่ เราทา การอธษิ ฐานจติ ของเรานนี่ ะ ความปรารถนา ของเรา เวลาตงั้ จติ อธษิ ฐาน เราใหค้ วามเคารพในคา อธษิ ฐานของตวั เอง เราใหค้ วามเคารพตวั เอง ในการตงั้ จิตของตัวเอง ให้ความซื่อสัตย์ในความปรารถนาตรงนี้ ความปรารถนาตรงนี้จะมีกาลัง เขาเรียกว่าซื่อสัตย์ ต่อคาพูด ต่อจิตตนเอง แล้วเวลาทาอะไร เวลาเราปฏิบัติ เราพิจารณาสภาวธรรม ก็จะพิจารณาด้วยใจ ด้วย ความรู้สึก ด้วยความรู้สึกจริง ๆ ด้วยใจจริง ด้วยความจริงใจ พิจารณาตามที่เขาเป็นจริง
ไมใ่ ชพ่ จิ ารณาแตเ่ พยี งวา่ ฉนั อยากใหเ้ ปน็ อยา่ งนี้ ฉนั อยากเหน็ อยา่ งนี้ นา่ จะเปน็ อยา่ งนนั้ อยา่ งเดยี ว คือความสงสัยในธรรม เป็นเรื่องปกติและควรจะสงสัยด้วย ถ้าสงสัยไม่เป็นไร สงสัยในสภาวธรรม ปฏิบัติ ไปเหอะ คาตอบนั้นจะเกิดขึ้น พอสติสมาธิปัญญาแก่กล้าขึ้น ความสงสัยต่าง ๆ ก็จะคลายไป แต่การที่เรา