Page 244 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 244
240
ความตงั้ มนั่ อยู่ เพราะฉะนนั้ การปฏบิ ตั ธิ รรมไมใ่ ชว่ า่ เราตอ้ งไปหาสงิ่ ทไี่ กล ตัว ให้พิจารณาอาการที่กาลังปรากฏ ณ ปัจจุบัน ณ ขณะนี้
อยา่ งทบี่ อกแลว้ วา่ อาการทางกาย-เวทนา-จติ -ธรรมจะสลบั กนั เขา้ มาให้เราได้กาหนดรู้ เหมือนขณะนี้ ลองสังเกตดูว่า ขณะที่เราได้ยินเสียง อาจารย์ นั่นก็คือผัสสะ เสียงที่ได้ยินก็เป็นรูปอย่างหนึ่ง ซึ่งเราสามารถ กาหนดรู้อาการเกิดดับได้ พิจารณาว่า เสียงที่กาลังได้ยินนี้เกิดอยู่ที่ไหน... เกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ เกิดอยู่ท่ามกลางความสงบ เกิดอยู่ในที่โล่ง ๆ เกิดอยู่ ในที่เบา ๆ และเสียงที่ได้ยินกับจิตของเราเป็นคนละส่วนกัน นั่นคือการ พจิ ารณาถงึ ความเปน็ จรงิ ถงึ สจั ธรรมอยา่ งหนงึ่ วา่ เสยี งกเ็ ปน็ เสยี งนนั่ แหละ เสียงใคร/เสียงอะไรก็เป็นเสียงอย่างหนึ่ง และเสียงที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ตั้งอยู่ ตลอดเวลา ถ้าเราสังเกตดี ๆ แม้แต่เสียงเกิดขึ้นคาหนึ่ง ในคาเดียวนั้นมี อาการเกิดดับหลาย ๆ ขณะอยู่ในนั้น เราเห็นได้อย่างไรว่าในคาเดียวมี อาการเกิดดับหลาย ๆ ขณะ ? นั่นคือจากกาลังของสติ สมาธิ และปัญญา คือการใส่ใจเข้าไปสังเกตกาหนดรู้
นนั่ คอื ตวั อยา่ งหนงึ่ วา่ ในเสยี ง/ในอารมณห์ นงึ่ มอี าการเกดิ ดบั เปน็ เรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้ากาหนดรู้แบบนี้ เห็นว่าเสียงเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แล้ว จิตใจเป็นอย่างไร และจิตใจนิ่งแค่ไหน ตั้งมั่นแค่ไหน ตื่นตัวแค่ไหน ถึงสามารถเห็นอาการเกิดดับนั้นได้ นั่นเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันใน ตัว เพราะจิตตื่นตัวขึ้น จึงเห็นอาการเกิดดับของอารมณ์นั้นชัดเจน เพราะ กา หนดรอู้ าการเกดิ ดบั ของอารมณน์ นั้ อยา่ งชดั เจน ทา ใหจ้ ติ มคี วามตนื่ ตวั มีกาลังมากขึ้น มีความตั้งมั่นขึ้น นั่นคือเป็นเหตุเป็นปัจจัยกัน เพราะการ ใส่ใจเข้าไปกาหนดรู้อารมณ์ปัจจุบันอย่างชัดเจนนั่นแหละจึงทาให้สติมี ความตื่นตัว มีสมาธิที่ตั้งมั่น ปัญญาคมชัด เพราะอาการเหล่านี้ยิ่งคมชัด