Page 299 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 299
สิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับตัวเอง มีสาระกับชีวิตของตนเอง แต่บางคนก็ พิจารณาแค่รู้สึกชอบ-ไม่ชอบ ไม่ได้พิจารณาถึงสาระว่ามีประโยชน์กับ ชีวิตมากน้อยแค่ไหน อันนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องศึกษาต้องพิจารณา เมื่อ จิตมีความสงบ ให้ใช้สติ-สมาธิ-ปัญญาพิจารณาให้รู้ให้เข้าใจถึงเหตุปัจจัย ของสภาวธรรมที่เกิดขึ้น จริง ๆ ทั้งเหตุปัจจัยและสภาวธรรมที่เกิดขึ้นก็ คือสาระของชีวิต ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงให้โอวาทแก่พุทธบริษัท ทั้งหลายเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนและพัฒนาตนเพื่อเดินทางไปสู่ เป้าหมายของการดับทุกข์
อีกอย่างหนึ่งก็คือ ขันติ ปะระมัง ตะโป ตีติกขํา คือต้องมีขันติ มี ความอดทน อดทนตอ่ ผสั สะตอ่ อารมณท์ เี่ ขา้ มากระทบทางตา-ห-ู จมกู -ลนิ้ - กาย-ใจ อดทนต่อความอยาก-ความเกลียด-ความกลัว อดทนต่อเสียง ที่เข้ามากระทบทางหู อดทนต่อความคิดที่เกิดขึ้นทางใจ ตรงนี้เขาเรียกว่า มคี วามอดทนอดกลนั้ ตอ่ อารมณท์ ไี่ มด่ ที เี่ กดิ ขนึ้ จรงิ ๆ แลว้ นเี่ ปน็ สงิ่ สา คญั มาก ๆ เพราะเป็นธรรมชาติของโลก เขาเรียก “โลกธรรม” เป็นธรรมะ ประจาโลก มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ มีสรรเสริญ-มีนินทา มีทุกข์- มีสุข เป็นของคู่กันอยู่ ตรงนี้เขาเรียกว่า “ธรรมประจาโลก” คือสิ่งที่เกิดขึ้น ปกติในโลกนี้ แต่การที่เรารู้จักใช้ขันติ รู้จักอดทนต่ออารมณ์ที่เข้ามา กระทบ ก็จะทาให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์...แม้ชั่วขณะหนึ่ง ๆ ที่เรียก ว่า วิกขัมภนวิมุตติ คือหลุดพ้นด้วยการข่มไว้
ข่มอะไร ? ข่มใจ ข่มอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่ให้จิตที่ไม่ดีนั้นมี กาลังจนเป็นตัวผลักดันหรือบีบคั้นให้แสดงอาการทางกายทางวาจาที่ดูไม่ ดีไม่งดงามออกไปนั่นเอง เพราะกายวาจาที่แสดงออกไปจะมีผลกระทบ ตอ่ บรรยากาศหรอื บคุ คลรอบขา้ งไดง้ า่ ย นนั่ คอื จะเหน็ วา่ ถา้ ขนั ตเิ กดิ ขนึ้ มา
295