Page 314 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 314
310
การพสิ จู นธ์ รรมะตอ้ งอาศยั สงิ่ ทตี่ อ้ งพสิ จู นเ์ พมิ่ ขนึ้ ไปเรอื่ ย ๆ ตาม กาลัง เพราะสภาวธรรมที่มีความลึกซึ้งแยบคายหรือพิสดารนั้นต้องอาศัย จิตที่มีกาลังของสติ-สมาธิ-ปัญญาที่แก่กล้า ทุกครั้งที่ผู้ปฏิบัติใส่ใจหรือ ตั้งใจที่จะกาหนดรู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน กาหนดรู้อาการพระไตรลักษณ์ ของรูปนามขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะเป็นดูกาย ดูเวทนา รู้จิต หรือดูสภาวธรรมที่ เกิดขึ้น กาหนดรู้อาการของรูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัส-ธรรมารมณ์ ความ เย็น-ร้อน-อ่อน-แข็ง-เคร่งตึง-หนัก-เบาที่ปรากฏเกิดขึ้นกับรูปนามอันนี้ มีความเพียรมีความพอใจที่จะกาหนดรู้อยู่เนือง ๆ บุคคลนั้นก็จะพัฒนา ทั้งสติ สมาธิ และปัญญาไปด้วยกัน ซึ่งสติ-สมาธิ-ปัญญาที่พัฒนาด้วย กฎไตรลักษณ์นี้นี่แหละที่จะทาให้บุคคลนั้นมีความอิสระจากเครื่อง พันธนาการ ไม่ถูกครอบงาด้วยโลภะ-โทสะ-โมหะ ไม่เวียนว่ายอยู่ในห้วง แห่งมหาสมุทรคือวัฏสงสาร จิตก็จะหลุดพ้นจากวงจรนั้นได้
เพราะฉะนนั้ ใครกต็ ามทบี่ อกวา่ อยากศกึ ษาธรรมะของพระพทุ ธเจา้ อยากเจริญรอยตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือแม้แต่ อยากพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสเอาไว้ว่าการชาระจิตของ ตนให้ขาวรอบ ให้ผ่องใส ให้สะอาด ให้สว่าง ให้สงบนั้นจะทาได้จริงหรือ ไม่ และถ้าทาได้จริงแล้วจะมีประโยชน์กับชีวิตอย่างไร ก็ควรที่จะลงมือ พิสูจน์ ทดสอบ ปฏิบัติด้วยตัวเอง ค้นคว้าหาแนวทางปฏิบัติให้เหมาะสม กับจริตของตนของตน ก็จะทาให้บุคคลนั้น ๆ ได้สัมผัสและเข้าถึงธรรมะ คาสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อบุคคลนั้นได้เห็นสัจธรรมความเป็นจริงตาม ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเอาไว้แล้ว ก็จะทาให้หายจากความสงสัย ทาให้ จิตใจมีความเบิกบาน มีความสงบ มีความอิสระจากเครื่องพันธนาการ ต่าง ๆ ได้