Page 31 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 31
27
เมอื่ เราไดเ้ หน็ ความเปน็ จรงิ แบบนี้ จติ กจ็ ะคลายจากอปุ าทาน แตต่ ราบใดทยี่ งั ไมเ่ หน็ ความเปน็ จรงิ ไม่เห็นความเป็นจริงยังมีโมหะครอบงา ความเป็นจริงไม่ปรากฏ เราก็ยังหลงกับอารมณ์เหล่านั้นอยู่ เข้าไป ยึดเป็นระยะ ๆ ได้ เพราะฉะนั้นขอให้พิจารณาดี ๆ พิจารณาดี ๆ เราใช้เวลาไม่มาก จึงบอกว่าการปฏิบัติ ธ ร ร ม บ า ง ค ร งั ้ เ ร า ม เี ว ล า ไ ม ม่ า ก แ ต ถ่ า้ ส ต สิ ม า ธ ปิ ญั ญ า ม า พ ร อ้ ม ก นั ม คี ว า ม ช ดั เ จ น ส ภ า ว ธ ร ร ม ก จ็ ะ ช ดั ป ร า ก ฏ ชัดต่อหน้าเราเช่นกัน เพราะฉะนั้นขอให้ตั้งใจกัน
คาว่าสภาวธรรมก็คืออาการของรูปนามที่กาลังปรากฏ ที่พูดถึงมาทั้งหมดก็คือสภาวธรรม นั่นคือ ธรรมชาติจริง ๆ ของสรรพสัตว์ของโลกเรา ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ตั้งอยู่ในกฎแบบนี้เสมอ ตั้งอยู่ในกฎของ ไตรลักษณ์ ถ้าเราพิจารณาให้ดี เห็นตามความเป็นจริง เมื่อความจริงปรากฏชัดแบบนี้กับตัวเรา นอกจาก ที่จิตจะคลายจากอุปาทานโดยอัตโนมัติเองแล้วนี่นะ เราจะคิดว่าอย่างไรตอนนี้ เรามาทาความเข้าใจทีหลัง พิจารณาทบทวนดูได้ว่าสภาวธรรมที่เกิดขึ้น บอกอะไรกับเราบ้างนะ บอกอะไรเราบ้าง นี้เป็นสิ่งสาคัญ นั่น คือการศึกษาพิจารณาธรรมะที่กาลังปรากฏอยู่
สภาวธรรมที่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่ทาความเข้าใจพิจารณาดูว่าเขาบอกอะไรกับเรา บางครั้งเราก็รู้แต่ว่า มีการเกิดดับเปลี่ยนแปลง และสภาพจิตใจก็รู้สึกคลายอุปาทานได้แล้ว แต่บางครั้งถ้าไม่เข้าใจก็ไม่กว้าง เรียกว่าไม่แตกฉานในธรรม ไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เข้าถึงแต่ไม่ลึกซึ้งในธรรม ไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง แต่ถ้า พิจารณาและมีความเข้าใจด้วยนะ เราจะมีความลึกซึ้งในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น ว่าธรรมะที่เห็นที่ปรากฏที่เรา เข้าถึงนั้น ส่งผลดีต่อชีวิตเราอย่างไร บอกถึงการออกจากทุกข์ได้อย่างไร ทาไมถึงบอกว่าการพิจารณา อาการพระไตรลกั ษณ์ จงึ เปน็ แนวทางทเี่ ปน็ ไปเพอื่ ความดบั ทกุ ข์ การออกจากวฏั สงสาร เพราะฉะนนั้ จงึ ตอ้ ง พจิ ารณาโดยแยบคายนนี่ ะ เปน็ การพฒั นาปญั ญาของเรา ขอใหต้ งั้ ใจพจิ ารณาสภาวธรรม ทกี่ า ลงั ปรากฏอยู่ เฉพาะหน้านี้ให้ชัด เพื่อความเจริญความก้าวหน้าในธรรมของเรา
ต่อไปอาจารย์จะไม่ใช้เสียงจนกว่าจะเห็นสมควรแก่เวลา ให้ใช้เวลาอีกสัก ๓๐ นาที ให้นั่งพิจารณา สภาวธรรมไป จากนั้นเราจะได้แผ่เมตตากันเป็นลาดับต่อไป ขอให้ตั้งใจกัน...
สมควรแก่เวลานะ ค่อย ๆ ถอนสมาธิออกมา ก่อนที่เราจะแผ่เมตตา ต่อไปเราจะแผ่เมตตากัน ก่อนที่จะแผ่เมตตาทุกครั้ง ขอให้เราน้อมระลึกนึกถึงบุญกุศลที่เราได้ทา น้อมเข้ามาใส่ใจของเราให้เต็ม ให้ จิตของเราเต็มไปด้วยพลังแห่งบุญ เต็มไปด้วยพลังแห่งความดี เต็มไปด้วยพลังแห่งความสุขความอิ่มใจ เติมให้เต็ม ใจที่เต็มไปด้วยพลังของบุญหรือความดีตรงนี้ จะมีอานุภาพมีอานิสงส์ เพราะฉะนั้นเมื่อเรา เติมความสุข ระลึกถึงบุญกุศลเข้ามาให้เต็มในใจของเราจนล้น ทาให้จิตใจรู้สึกอิ่มหรือมั่นคงหรือเต็มแล้ว ต่อไปให้ตั้งจิตอธิษฐานให้กับตนเอง
ด ว้ ย อ า น ภุ า พ แ ห ง่ พ ล งั บ ญุ น ี ้ ข อ ใ ห ม้ า เ ป น็ ต บ ะ เ ป น็ พ ล ว ะ เ ป น็ ป จั จ ยั ใ ห เ้ ร า ม แี ต ค่ ว า ม ส ขุ ค ว า ม เ จ ร ญิ ม คี ว า ม เ จ ร ญิ ใ น ธ ร ร ม ย งิ ่ ๆ ข นึ ้ ไ ป ข อ ใ ห เ้ ร า เ ป น็ บ คุ ค ล ผ ม้ ู สี ต มิ สี ม า ธ มิ ปี ญั ญ า ม ดี ว ง ต า เ ห น็ ธ ร ร ม เ ข า้ ถ งึ ธ ร ร ม โดยฉับพลัน