Page 92 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 92

88
แต่ถ้าละเชื้อตรงนี้ ดับความทุกข์ได้ ความชอบไม่ชอบหายไป ไม่มีตัวตนปุ๊ปนี่นะ เขาหายไป คิดขึ้น คิดระลึกอีก เรื่องนั้นปรากฏในที่ว่าง ๆ ความชอบไม่ชอบไม่เกิดขึ้น ยิ่งไม่มีตัวตนเชื้อก็หายไป แต่สัญญา ยังมีอยู่ เพราะประทับใจมาก คือสัญญายังผุดไปเรื่อย จนรู้สึกว่าจิตเรายิ่งเห็นชัด จิตผ่องใส ยิ่งคลาย ยิ่งสะอาดมากขึ้น สัญญานั้น ถึงจุดหนึ่ง จิตเขาเห็นชัดแล้ว สัญญานั้นไร้ประโยชน์แล้ว นี่นะเขาจะว่างไป แค่คิดเหมือนแค่เงา ๆ เหมือนแค่ความฝัน ไม่มีผล ไม่มีรสชาติขึ้นมา ตรงนี้ต้องปฏิบัติไปเรื่อย ๆ มีสติ กาหนดรู้
เพราะฉะนนั้ การทเี่ ราละสกั กายทฏิ ฐิ จงึ เปน็ สงิ่ สา คญั เพราะฉะนนั้ ดบั ตวั ตน แลว้ พจิ ารณาสภาวธรรม ให้ชัดเจนแบบนี้ รู้ถึงความเป็นจริง แล้วถ้าเรารู้ถึงเหตุปัจจัยท่ีจริง ๆ ความเป็นจริงของเขาเกิดขึ้นนี่นะ ตรงนจี้ ะทา ใหเ้ ราสงบ จรงิ ๆ แลว้ การละความเปน็ ตวั ตน เปน็ เรา จะทา ใหจ้ ติ เราสงบ แลว้ ถา้ เรามเี จตนาทจี่ ะ รู้จิตที่สงบของตัวเอง รู้ความไม่มีตัวตนให้ชัดขึ้นนี่นะ จิตเราจะตั้งมั่น เข้มแข็ง มั่นคงขึ้น ไม่ว่าจะอารมณ์ อะไรเกิดขึ้น ปัญญาเกิดขึ้น เขาพร้อมที่จะเข้าใจ จิตจะมั่นคงเข้มแข็งไปในตัว ไม่คล้อยตามอารมณ์ ไม่ วอกแวก ไม่มีอาการสัดส่ายง่าย ๆ มีความหนักแน่นมั่นคงในตัว
เพราะฉะนั้น การฝึกจิตตัวเอง คนเรา...ถ้าเข้มแข็งมั่นคงด้วยปัญญานี่นะ จะอยู่ที่ไหนก็ยังเข้มแข็ง มั่นคง แต่ถ้าไม่มีปัญญา มีอัตตา มีตัวตน มันจะทาให้เราหวั่นไหวได้ง่าย เขาว่า...เราอย่างนั้น เราอย่างนี้ มันก็เลยวูบวาบ ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าจิตเราสงบกว้าง ไม่มีตัวตน การที่กาหนดรู้ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีเรา ละ อัตตาก่อนนี่นะ ละตัวตนแล้วค้น...พิจารณาให้เห็นสัจธรรมตรงนี้ให้ชัดขึ้น ๆ แล้วผลที่เกิดขึ้น โยคีเองจะ เป็นผู้ได้รับ แล้วจะรู้ด้วยตนเอง ตรงนี้จะเป็นปัจจัตตัง รู้ด้วยตัวเอง
ที่อาจารย์พูดมาทั้งหมดนี่นะ นิดเดียวนะ นิดเดียว ประโยชน์หรืออานิสงส์ส่วนหนึ่งแค่นั้นเอง แต่ รู้สึกเยอะนะ แต่จริง ๆ แล้ว มีพิสดาร ใครที่เห็นแบบนี้จะได้ประโยชน์มาก มากเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ถ้าเรามีเจตนา...เป้าหมายที่จะออกจากทุกข์ เพื่อดับทุกข์อย่างสิ้นเชิงแล้ว ควรรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ รับรู้ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีตัวตน ไม่มีเรา พยายามละความเป็นอัตตา เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ละอัตตาปุ๊ปนี่นะ ปัญญาก็จะเกิดได้ง่าย
ถา้ มตี วั ตน เหมอื นกบั มอี ตั ตา เขาเรยี กมานะทฏิ ฐิ มาปดิ กนั้ เขาเรยี กมานะทฏิ ฐิ ทเี่ ราเคยรู้ เรารอู้ ยา่ ง นี้ ความรเู้ ดมิ มาปดิ กนั้ ความจรงิ เคยสงั เกตไหม ทบี่ อกวา่ ใหค้ ดิ แลว้ คดิ อกี คาตอบกเ็ หมอื นเดมิ แตเ่ ราไม่ ยอมรับนั่นแหละ แล้วเราก็ทุกข์อยู่นาน เท่าที่เราไม่ยอมรับ คือถ้าเรายอมรับ มันจบ มันก็หยุดความทุกข์ลง แล้วก็จัดการแก้ปัญหาต่อไป ความจริงเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น เพราะฉะนั้น สัจธรรมความจริง เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ไม่สามารถที่จะเป็นอย่างอื่นได้ แต่มุมมอง มองในมุมอื่นได้ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น ใช้ ปัญญาพิจารณาให้ดี
นแี่ หละทมี่ าของคา วา่ ดบั ตวั ตน คน้ ธรรม เพอื่ เดนิ ทางไปสเู่ ปา้ หมาย เพอื่ ความดบั ทกุ ขอ์ ยา่ งสนิ้ เชงิ ทาไมอาจารย์ถึงใช้คาว่า ดับตัวตน ค้นธรรม ก็เพราะเหตุนี้ เพราะว่าการละสักกายทิฏฐิในเบื้องต้น เป็น สงิ่ สา คญั จะไดพ้ จิ ารณาสภาวะตามทเี่ ปน็ จรงิ ไดง้ า่ ยขนึ้ ถา้ เรามตี วั ตน มอี ตั ตาอยู่ กม็ กั จะอยากใหเ้ ปน็ อยา่ ง


































































































   90   91   92   93   94