Page 23 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การน้อมพลังบุญเพื่อการอธิฐานจิต
P. 23
829
เพราะฉะนนั้ การตงั้ จติ ดว้ ยการอธษิ ฐานจติ คอื ตงั้ จติ ปรารถนานนี่ ะ เปน็ สงิ่ สา คญั มาก ๆ มนั เหมอื น กับเป็นอุดมการณ์ เป็นเป้าหมายของชีวิต เป็นจิตวิญญาณของผู้ปรารถนาที่จะออกจากทุกข์นะ ถ้าจะ บอกว่า โอ๊ะ!ความปรารถนาเรา...ฟังแบบธรรมดาเลยนะ แต่คนที่มีจิตวิญญาณ มีความปรารถนาอย่าง แรงกล้า มีเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจน ทาไมถึงเป็นอย่างนั้น ทาไมถึงรู้สึกอยากจะออกจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง เราก็ถามตัวเราว่า แล้วเราปฏิบัตินี่นะ เราอยากจะออกจากทุกข์ ออกจากวัฏฏสงสารไหมนะ
หรือบางคนรู้สึกว่าไม่อยากจะเกิดแล้ว รู้แต่ว่าจะออก หรือออก...ไม่รู้ จะออกจากวัฏฏะสงสารหรือ เปล่าไม่รู้ แต่ไม่อยากจะเกิดแล้ว เบื่อแล้วการเวียนว่ายตายเกิด ถามว่าอาการอย่างนี้คืออะไร ก็คือการที่ เรารู้สึก...พอเราเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด เบื่อหน่ายโลก เบื่อหน่ายสิ่งที่อยู่รอบตัวนั่นล่ะ เป็นตัว ผลักดันให้เกิดความปรารถนา ที่จะออกจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง เพราะฉะนั้น จิตจึงมีความปรารถนา มีความ มุ่งมั่นแสวงหาทางออกจากทุกข์
ตรงไหนที่เราแสวงหาทางออกจากทุกข์ เหมือนกับถึงเวลาแล้วอยากจะไปปฏิบัติ อยากเข้าปฏิบัติ ตรงนั้นตรงนี้ แสวงหาทางออกจากทุกข์ กว่าที่จะเจอแนวทางที่ตรงกับจริตตัวเองนะ เราเห็นพระพุทธเจ้า ตงั้ จติ อธษิ ฐานแลว้ นนี่ ะ พอเสดจ็ ออกบวชกจ็ ะแสวงหา ไปทคี่ รบู าอาจารยท์ า่ นนนั้ ทา่ นนี้ ไป...ไปแลว้ กไ็ มใ่ ช่ ไปดูแป๊บ ๆ แล้วก็ไม่เอาแล้ว ไม่ถูกใจ...ไม่ใช่นะ สังเกตไหม พระพุทธเจ้าศึกษานี่นะ ไม่ใช่ว่าไม่ถูกใจ แต่ ศึกษาจนจบแล้ว ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ แต่ละสานักที่ไป
แ ต ค่ ว า ม จ บ ห ล กั ส ตู ร ข อ ง ท า่ น น นี ่ ะ จ บ ด ว้ ย ค ว า ม ร ว ด เ ร ว็ เ พ ร า ะ ม ปี ญั ญ า ใ ช เ้ ว ล า ไ ม น่ า น ใ น ก า ร เ ข า้ ใ จ ปฏิบัติเข้าถึงหลักสูตรตรงนั้นจนจบแล้ว ก็รู้สึกว่าอันนี้ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ แล้วก็เดินต่อไป ๆ ๆ จนรู้สึกว่า เหมือนกับที่เรียนมาทั้งหมด แม้ได้ฌาน ฌาน ๘ ฌาน ๙ เป็นอรูปฌานไปแล้ว ก็ยังไม่ใช่เส้นทางที่จะออก จากทกุ ขอ์ ยา่ งสนิ้ เชงิ คดิ ดวู า่ พระพทุ ธเจา้ เหน็ แบบนแี้ ลว้ จงึ หาทางดว้ ยตวั เอง ตรงนนั้ แหละ จงึ หาทางดว้ ย ตนเอง ด้วยอานิสงส์ ด้วยบุญบารมีที่สั่งสมมา ที่ตั้งจิตเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้านี่นะ จึงบรรลุธรรมด้วย ตัวเอง ด้วยปัญญาของตัวเอง
ถามวา่ เราปฏบิ ตั นิ นี่ ะ จงึ ถามวา่ เวลาอธษิ ฐานจติ เราเชอื่ มนั่ ในคา อธษิ ฐานของเราแคไ่ หน เราเตม็ ใจ ในการอธิษฐานจิตของตัวเองแค่ไหนนะ ตรงนี้แหละตัวสาคัญว่า การตั้งจิตอธิษฐานนี่นะ เราทาตามอะไร เราทาตามพระพุทธเจ้าที่เคยทาแล้ว เราทาตามพระอริยะสาวกทั้งหลายที่เคยทามาแล้ว พระอริยะสาวก ทั้งหลาย ถ้าเราอ่านในพระสูตร หรือในพระไตรปิฎกนี่นะ เราจะรู้ว่า สมัยก่อนเวลาเขานิมนต์พระพุทธเจ้า หรือนิมนต์คณะสงฆ์ ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานนี่นะ ไปรับบิณฑบาต พอฉันเสร็จ ก็ฟังธรรม ทาบุญอยู่ ๗ วัน ฟังธรรม พอฟังธรรมเสร็จปึ๊บนี่นะ ก็ตั้งจิตอธิษฐาน
เจ้าภาพตั้งจิตอธิษฐานว่า อยากให้เป็นผู้มีปัญญา หรืออยากบรรลุธรรม อยากเป็นแบบไหน แบบใคร บางคนก็อยากมีปัญญาเหมือนพระสารีบุตร บางคนก็อยากมีอิทธิฤทธิ์เหมือนพระโมคคัลลานะ แล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานแบบนั้น ขณะที่ตั้งจิตแล้ว ไม่ได้ว่าตั้งจิตแล้วนั่งรอนะ ตั้งจิตแล้วนั่งรอแบบนั้น จะ ไหวไหม...ไมไ่ หว ไมใ่ ชข่ อแลว้ กจ็ ะสา เรจ็ คอื ตงั้ จติ อธษิ ฐานแลว้ มคี วามมงุ่ มนั่ ในการกระทา ตงั้ จติ อธษิ ฐาน