Page 107 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 107
967
แต่ถ้ารู้สึกว่า ความคิดที่เกิดขึ้นแค่รู้สึกรบกวน รู้สึกกระสับกระส่าย ไม่นิ่ง รู้สึกราคาญ รู้สึกตงิด ๆ รู้สึกหงุดหงิดอยู่เรื่อยนี่นะ ให้เอาสติของเรา จิตเราซ้อนเข้าไปที่อาการหงุดหงิดอาการราคาญ เข้าไป ซ้อน เข้าไป ซ้อนเข้าไป ซ้อนเข้าไป คาว่าซ้อนนี่นะ ความรู้สึก...สติให้ใหญ่กว่าอาการ ให้กว้างกว่าอาการ แล้ว ซ้อนเข้าไป แล้วดับอย่างไร แต่ละครั้งซ้อนเข้าไปเขาดับอย่างไร พอดับความทุกข์ ความไม่สบาย ความ ราคาญหายไป ค่อยมารู้ว่า ความคิดเป็นอย่างไร
ถ้าสังเกต ถ้าเราทาแบบนี้ได้ ความรู้สึกไม่สบายใจหายไป ความคิดก็หายไปด้วย เขาจะสงบลง ไปด้วย ถึงจะเกิดอีก...เกิดขึ้นมาใหม่ ตรงนี้แหละ ที่จะรู้ว่าความคิดเกิดขนึ้ มาเกิดดับ เข้าไปรู้อาการเกิด ดับของความคิด ที่บอกว่า ความคิดที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นต่างจากเดิมอย่างไร ความคิดที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น ต่างจากเดิมอย่างไร เบากว่าเดิม บางกว่าเดิม จบเร็วกว่าเดิม สั้นกว่าเดิม อายุอารมณ์สั้นลง ความทุกข์จะ สั้นลง อายุอารมณ์สั้นลง ความทุกข์สั้นลง อายุอารมณ์ตั้งอยู่หนึ่งนาที ความทุกข์ก็ทุกข์แค่นาทีเดียว หรือ น้อยกว่านั้น ปรากฏขึ้นมาแล้วก็ดับไป ๆ
เพราะฉะนั้น การรู้อาการเกิดดับของความคิด การรู้ถึงความแตกต่างตรงนี้ จะได้รู้ถึงสภาวธรรมที่ จะก้าวหน้าขึ้น และการที่รู้แบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า เรารู้แค่บัลลังก์ที่แล้วกับบัลลังก์นี้ บัลลังก์ต่อบัลลังก์ แต่ดูภาพรวม เราสามารถทบทวนตัวเองได้ว่า จากที่ผ่านมา เวลาเจอผัสสะ มีอารมณ์กระทบ มีความคิด เกิดขึ้นมานี่นะ เคยเกิดขึ้นอยู่นาน เคยเกิดขึ้นแล้วดับยาก อยู่นานเป็นชั่วโมง เดี๋ยวนี้เกิดขึ้นมา แต่ว่าเกิด แล้วดับเร็วขึ้นเยอะ ดับแล้วหายไป ตรงนี้จุดหนึ่ง
อีกจุดหนึ่งก็คือว่า...ยิ่งสนใจการเปลี่ยน เรารู้ว่าในขณะที่กาหนดแต่ละครั้ง เขาดับเด็ดขาดขึ้น ๆ สิ่งที่ต้องสังเกตต่อก็คือว่า เมื่อความคิดดับไปหมด จิตรู้สึกอย่างไร อันนี้ผลที่ตามมา ต้องรู้ว่าเราทาเหตุ แบบนั้นแล้วผลเป็นอย่างไร พอความคิดหมดไป จิตรู้สึกสงบ หนึ่ง ถ้าเป็นจิตที่เป็นกุศล อย่างที่บอก ตอนแรกว่า ความคิดที่เป็นกุศล เกิดขึ้นดับไป ๆ ยิ่งเกิดขึ้นมา ยิ่งเห็นความคิดดับ จิตยิ่งใสขึ้น ๆ มีความ เบิกบานขึ้น
พอความคิดนั้นจบปื๊บ จิตที่เบิกบานอยู่แล้วเป็นอย่างไร เบิกบาน จิตที่เบิกบานขึ้น พอความคิดจบ เขาเปลี่ยนเป็นอย่างไร ใสกว่าเดิม มีพลังมากกว่าเดิม กว้างกว่าเดิม ยิ่งเข้าไปรู้ ยิ่งเบิกบานยิ่งผ่องใส ยิ่ง มีพลัง นั่นคือความต่อเนื่องของอารมณ์ ของสภาวะ ในขณะเดียวกัน เวลามีความคิดเกิดขึ้นมาแล้ว เป็น อกุศลเกิดขึ้นมีความไม่สบายใจ มีความทุกข์เกิดขึ้นมา ก็ต้องทาแบบเดียวกัน อย่างที่กาหนดความรู้สึกไม่ ดีดับไป ความรู้สึกหงุดหงิด ความรู้สึกความกระสับกระส่ายดับไป ๆ พอหมดเกลี้ยง สภาพจิตเป็นอย่างไร
ไม่ใช่รู้แค่ว่าความหงุดหงิด ตามรู้ ๆ แล้วความหงุดหงิดก็ดับไป ดับไปแล้วเป็นอย่างไร ไม่ได้สนใจ ไมไ่ ดร้ วู้ า่ ผลทตี่ ามมาเปน็ อยา่ งไร จรงิ ๆ สงั เกตแบบเดยี วกนั พอความคดิ หมดไป ความรสู้ กึ กระสบั กระสา่ ย ดับปุ๊บ จิตสงบขึ้นมา มีความตั้งมั่นมากขึ้น มีความตั้งมั่นขึ้น สงบขึ้น พอเกิดขึ้นใหม่พอรู้ปุ๊บ เขาดับเด็ด ขาดกวา่ เดมิ พอรปู้ บุ๊ เขาดบั เรว็ เดด็ ขาดมากยงิ่ ขนึ้ ยงิ่ เหน็ อาการเกดิ ดบั ของอารมณน์ เี้ ดด็ ขาดมากขนึ้ จติ ยงิ่ มีความสงบขึ้น สงบขึ้น ตั้งมั่นขึ้น ตั้งมั่นขึ้น