Page 72 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 72
932
กาหนดแล้วเป็นอย่างนี้ พอเกิดขึ้นมาใหม่ เวทนาต่างจากเดิมอย่างไร เปลี่ยนไปอย่างไร นี่คือรู้ถึงความไม่ เที่ยงของเวทนานะ รู้ถึงความไม่เที่ยงของเวทนาทางกายที่เกิดขึ้น เพราะแต่ละบัลลังก์ เขาจะเปลี่ยนไป เรื่อย ๆ ถึงลักษณะการเกิดการดับ...ก็ต่าง เรารู้ว่าต่าง นั้นคือจุดที่ต้องใส่ใจ
รแู้ ลว้ ตอ้ งเหน็ ดว้ ย เพราะการใสใ่ จถงึ ความแตกตา่ งไปเรอื่ ย ๆ ตรงนเี้ ขาเรยี กวา่ มนสกิ าร หรอื ธมั มวจิ ยะ การสอดสอ่ งธรรม ใสใ่ จรายละเอยี ดถงึ สภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ วา่ มคี วามตา่ งไปอยา่ งไร แมแ้ ตล่ กั ษณะการเกดิ ก็ต่างกัน แม้แต่ลักษณะการดับก็ต่างกัน ทาไมถึงต่าง ต่างได้อย่างไร ต่างเพราะกาลังของสติ สมาธิ ปัญญา ที่ต่างไป การพัฒนาอินทรีย์ที่แก่กล้าขึ้นเรื่อย ๆ การเห็นลักษณะการเกิดดับก็ต่างกันไป
เพราะฉะนั้น ถ้าเราใส่ใจถึงความต่าง เราจะเห็นละเอียดมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจถึงความ แตกต่าง เราจะคิดว่าเห็นเหมือนเดิม หรือถ้าอนุมานเมื่อไหร่ กาลังสติสมาธิเราจะเท่าเดิมนะ เคยเห็นแล้ว ว่ามันเป็นอย่างนี้แหละ...เป็นอย่างนี้ สังเกตได้เลย ถ้าเราอนุมาน สติเราจะเท่าเดิม สมาธิเราเท่าเดิม แต่ถ้า เราเขา้ ไปสงั เกต ในแตล่ ะขณะถงึ ความตา่ งไป คอื การพฒั นาสตสิ มาธขิ องเราใหด้ ยี งิ่ ขนึ้ ใหแ้ กก่ ลา้ ยงิ่ ขนึ้ นนั่ คือการเดินทางไปข้างหน้า
เ พ ร า ะ ก า ร พ ฒั น า ส ต ิ ส ม า ธ ิ ป ญั ญ า ข อ ง เ ร า จ ะ ท า ใ ห เ้ ห น็ ส ภ า ว ธ ร ร ม ท ลี ่ ะ เ อ ยี ด ม า ก ข นึ ้ ต า่ ง ไ ป อ ย า่ ง ไ ร และนั่นคือวิธีการขัดเกลาจิตใจของเรา ตรงนี้แหละที่บอกว่า การที่เราเห็นเวทนากับจิตเป็นคนละส่วนกัน ถามว่าเห็นอะไร เห็นถึงสัจธรรม และก็ได้เห็นแล้วว่า ทาไมไม่เป็นของเรา ที่เราเข้าใจมาตั้งนานว่าเราปวด เราเป็นนั่นเราเป็นนี่ จริง ๆ แล้ว เขาเป็นของเขา ด้วยเหตุปัจจัยของเขาเอง ไม่ใช่ว่าเราเป็น เราเข้าไปยึดเอา ว่าเวทนานั้นเป็นของเราต่างหาก เราเข้าไปยึดว่าเวทนาเป็นของเรา ตรงนี้แหละ เวทนาเป็นที่ตั้งแห่งการยึด มั่น แห่งอุปาทานต่าง ๆ เป็นที่ตั้ง
เมื่อเกิดขึ้นแล้วเวทนาก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วสักพักก็ดับไป เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเวทนานั้น จะเกิด จากการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือจากสภาวธรรมก็ทาหน้าที่แบบนี้ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เพราะ ฉะนั้น การที่เรามาเจริญกรรมฐาน พิจารณาตรงนี้ให้บ่อย ๆ ให้เห็นชัด ๆ ด้วยตาปัญญาของเราเอง ตรงนี้ จิตเขาจะคลายจากอุปาทาน อีกอย่างหนึ่ง นอกจากเวทนา...เวทนาทางกาย เวทนาทางจิต เวทนาทางจิต อย่างที่บอกแล้วว่าเกิดจากกาย เวทนาทางกายที่บีบคั้น ให้จิตเกิดความขุ่นมัวเศร้าหมอง
แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า เวทนาทางจิตไม่ใช่กาย ไม่ใช่เกิดจากเวทนาทางกายอย่างเดียว ที่ทาให้จิต เกิดความขุ่นมัวเศร้าหมอง หรือเป็นทุกข์ ทุกข์ทางใจอาศัยรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่เกิด ขึ้นทางทวารทั้ง ๖ พอมีผัสสะขึ้นมา พอเข้าใจผิด สติรู้ไม่ทัน มีเราเป็นผู้รับ มีเราเป็นผู้เป็น มีเราเป็นผู้รู้อยู่ ตลอด พอกระทบขึ้นมา...กระทบเรา ได้เห็นก็เราเป็นผู้เห็น ได้ยินเราเป็นผู้ได้ยิน กระทบเข้ามาจิตใจของ เรา เราสัมผัส กลายเป็นว่าสัมผัสแล้ว อารมณ์เหล่านั้นทุกข์ได้อย่างไร
สว่ นใหญแ่ ลว้ ผสั สะเหลา่ นี้ ไมไ่ ดผ้ สั สะแลว้ จะทกุ ขก์ บั ทกุ อยา่ งทเี่ กดิ ขนึ้ เราจะทกุ ขต์ อ่ เมอื่ ไมพ่ อใจ กับผัสสะที่เกิดขึ้น หรือผัสสะที่เข้ามากระทบอารมณ์ ที่เข้ามากระทบไม่เป็นอย่างที่ปรารถนา ไม่เป็นอย่างที่