Page 77 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 77
937
บางครั้งอารมณ์ปัจจุบันคือลมหายใจ พอลมหายใจหายไป เปลี่ยนเป็นเวทนาขึ้นมา พอเราตาม รู้ว่าเวทนา เวทนาชัดกว่าเพื่อนในขณะนั้น อารมณ์ปัจจุบันจึงเป็นเวทนา ถ้าความคิดชัดกว่าเพื่อน กว่า... จากอารมณ์อื่น มีความคิดอย่างเดียว ณ ขณะนั้น ขณะนั้นอารมณ์ปัจจุบันก็คือความคิด ขณะที่เราตามรู้ ความคิดเป็นหลัก อารมณ์หลักก็คือความคิด ขณะที่เราตามรู้ลมหายใจเป็นหลัก อารมณ์หลักของเราก็คือ ลมหายใจ
เพราะฉะนั้น อารมณ์หลักกับอารมณ์ปัจจุบันนี่นะ อารมณ์หลักกับอารมณ์ปัจจุบันก็คือ เจตนาเรารู้ อะไรเปน็ หลกั ตรงนนั้ กค็ อื อารมณห์ ลกั ทเี่ ราตามรเู้ ปน็ หลกั อารมณป์ จั จบุ นั เขาจะสลบั กนั มา เดยี๋ วลมหายใจ เดี๋ยวพองยุบ เดี๋ยวความคิด เดี๋ยวเวทนา เขาสลับกันมา เป็นอารมณ์ปัจจุบันให้เรารับรู้ เดี๋ยวก็เป็นจิต เป็น จิตก็คือ จิตใจมีความสงบ มีความสว่าง มีความใสเกิดขึ้น เป็นอารมณ์ปัจจุบันที่จะสลับกันมา เพราะฉะนั้น งานของเรา ที่บอกว่าให้มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน จะรู้อะไร อารมณ์อะไรคือปัจจุบัน
บางครั้งถ้าเราไม่เข้าใจว่า นี่คืออารมณ์ปัจจุบันที่เราต้องใส่ใจ เราก็จะหาแต่ว่า ถ้ากาหนดลมหายใจ เราคดิ วา่ ลมหายใจเปน็ อารมณป์ จั จบุ นั ทงั้ ๆ ทบี่ างครงั้ ลมหายใจหายไปแลว้ ไมม่ ลี มหายใจเลยมแี ตเ่ วทนา เกิดขึ้น เราก็พยายามเอาแต่ลมหายใจ หายใจแรง ๆ เพื่อให้ลมหายใจเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่เขาเปลี่ยนเป็นเวทนา แล้ว เราก็ไปพยายามหายใจแรง ๆ หาไม่เจอ หาอย่างไรก็ไม่เกิด เพราะอารมณ์ปัจจุบันที่เด่นชัดที่สุด คือ เวทนา
ฉะนั้นหน้าที่เรา คือต้องกาหนดอารมณ์ปัจจุบัน คือกาหนดเวทนานั้นว่าเกิดดับอย่างไร อันนี้คือ อารมณ์หลัก ๆ แล้วก็อารมณ์ปัจจุบัน ที่พูดมานี่นะ เป็นสภาวธรรมเป็นอารมณ์หลัก เขาเรียกเรื่องของกาย เวทนา จิตและธรรม ทีนี้อาการเหล่านี้นะ จะเกิดขึ้นเวลาไหน จริง ๆ แล้ว เกิดขึ้นได้ทั้ง ๔ อิริยาบถ หรือ ว่าตลอดเวลา ยืน เดิน นั่ง นอน อย่างเช่น เดิน ๆ ความคิดก็เกิดได้ นั่ง ๆ อยู่ ความคิดก็เกิดได้ นี่คือเกิด ได้ตลอดเวลา เขาจะสลับกันมาเอง
ทนี เี้ วลาเราปฏบิ ตั ิ ขอใหใ้ ชก้ า หนดเวลาใหต้ วั เองนดิ หนงึ่ วา่ เราจะนงั่ สกั ชวั่ โมงหนงึ่ สลบั กบั การเดนิ นั่งกรรมฐานชั่วโมงหนึ่ง เดินจงกรมสักชั่วโมงหนึ่ง สลับกัน เพื่ออะไร เป็นการปรับอินทรีย์ ให้สติสมาธิของ เราสมดุลกัน พอสมดุลกันสภาวะก็ชัด ใครไม่ถึงก็ไม่เป็นนะ นั่งไม่ถึงชั่วโมงหรอก แค่ ๓๐ นาทีก็แย่แล้ว นะ ก็เปลี่ยนได้ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็เปลี่ยนได้ ขยับสลับกันไป พิจารณากาลังของตัวเอง
พิจารณากาลังของตัวเองก็คือว่า เราทนได้มากแค่ไหน พยายามทนต่อสู้ในการกาหนดให้ต่อเนื่อง ใหม้ ากทสี่ ดุ เทา่ ทจี่ ะเปน็ ไปได้ ไมใ่ ชว่ า่ แคน่ เี้ มอื่ ยนดิ เดยี ว...พอแลว้ เดยี๋ วกลายเปน็ คนไมเ่ ขม้ แขง็ ไมอ่ ดทน ขาดตัวขันตินะ ขาดตัวขันติ ทั้ง ๆ ที่เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ๆ นิดเดียว เวทนานิดเดียวไม่เอา แล้ว เปลี่ยนแล้ว ๆ ก็กลายเป็นคนไม่มั่นคงในอารมณ์ ไม่ใช่แค่ไม่มั่นคงในอารมณ์ แค่อาการเวทนาทาง กาย ที่เราทนไม่ได้ เพราะมันเกิดเวทนาทางจิต คือความไม่สบายใจ นั่นคือถ้าเราอดทนได้ เราจะเป็นคน มั่นคงในอารมณ์ ที่มากระทบจิตใจเราด้วย อารมณ์ที่กระทบแล้ว ถ้าเรามีความเข้มแข็ง มั่นคง ความทุกข์ กับอารมณ์เหล่านั้น จะน้อยไปด้วยเช่นเดียวกัน