Page 114 - อนุสาร อสท. ฉบับที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๓
P. 114
อ.ส.ท. เยาวชนตากล้องท่องเที่ยวไทย
“กล้องเล็ก ถ่ายภาพโต” ชวนเที่ยวและชวนถ่าย (ภาพ)
ตามไปเยยี่ มเรอื นของยา่ จนั -ยา่ มกุ
(ทา้ วเทพกระษตั ร-ี ทา้ วศรสี นุ ทร)
นางสาวจิตบุญ ตันติกิจ เรื่องและภาพ
นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ โรงเรยี นภเู กต็ วทิ ยาลยั จงั หวดั ภเู กต็
อนสุ าวรยี ท์ า้ วเทพกระษตั รแี ละทา้ วศรสี นุ ทรตง้ั โดดเดน่ เปน็ สงา่ อยกู่ ลางวงเวยี นสแี่ ยกทา่ เรอื ในอาเภอถลาง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของชาวภูเก็ตและนักท่องเท่ียวที่เดินทางเข้าเมือง เหน็ แลว้ ตอ้ งยกมอื ไหวด้ ว้ ยความนบั ถอื วา่ ทา่ นทง้ั สองเปน็ วรี สตรที ปี่ กปอ้ งเมอื งจากการรกุ ราน ของพม่าในศึกถลางเมื่อประมาณสองร้อยกว่าปีล่วงมาแล้ว
แต่บ้านของท้าวเทพกระษัตรี (ย่าจัน) กลับไม่เป็นท่ีรู้จักมากนัก นอกจากชาวบ้านในเขตตาบล เทพกระษตั รเี ทา่ นนั้ ทที่ ราบถงึ บรเิ วณทตี่ งั้ ของบา้ นในอดตี ของวรี สตรเี มอื งถลางทา่ นน้ี เพราะมแี ผน่ ปา้ ยปนู ที่สร้างเมื่อปี ๒๕๒๒ ติดตั้งเอาไว้ ใจความว่า
“หนา้ เรอื นแมห่ มา้ มขี ามคอมา้ มหี วา้ กาจบั มตี น้ มว่ งคลา้ มสี ระหนา้ บา้ น มคี โู ดยรอบ มขี อบคา่ ยไผ่ คาเชิญตายายผีถลาง ที่บ่งบอกบริเวณบ้านท้าวเทพกระษัตรี (จัน) สถานท่ีน้ีเดิมเป็นจวนของจอมร้าง บ้านเคียน ผู้รั้งเมืองถลาง ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แล้วตกมาเป็นมรดกของบุตรสาวคือ ทา่ นผหู้ ญงิ จนั (ทา้ วเทพกระษตั ร)ี ทา่ นผหู้ ญงิ จนั ไดส้ รา้ งคา่ ยไมต้ ะเคยี นไวต้ า้ นศกึ พมา่ จนพมา่ แตกพา่ ย ไปเม่ือวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๒๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เคยเสด็จ ทอดพระเนตรเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๒ (ร.ศ. ๑๒๘ )”
ใกล้ ๆ กนั มศี าลเพยี งตาเปน็ เรอื นไทยยกพนื้ สงู ดา้ นหนา้ มรี ปู หลอ่ ของทา้ วเทพกระษตั รแี ละทา้ วศรสี นุ ทร ขนาดจาลองตั้งอยู่ด้านบน ให้ผู้คนที่มาเยือนได้จุดธูปกราบไหว้ขอพรเพ่ือความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง
ท่ีผ่านมาดิฉันได้เคยไปเยือนบริเวณท่ีสันนิษฐานว่าเคยเป็นตั้งของบ้านย่าจันหลายครั้ง เดิมเป็น ทวี่ า่ งเปลา่ รกชฏั เนอ้ื ทปี่ ระมาณ ๑๒๖ ตารางเมตร เตม็ ไปดว้ ยวชั พชื อยกู่ ลางแจง้ ไมม่ ตี น้ ไมใ้ หญใ่ หร้ ม่ เงา แวดล้อมไปด้วยบ้านเรือนของผู้คน จนกระท่ังปี ๒๕๕๗ ทางเทศบาลตาบลเทพกระษัตรีจึงได้สร้าง เรอื นจา ลองบา้ นทา้ วเทพกระษตั รขี นึ้ ในพน้ื ทดี่ งั กลา่ ว ลกั ษณะเปน็ เรอื นฝาไมก้ ระดานภาคใต้ ชนั้ เดยี ว ใตถ้ นุ สงู ขนาดกวา้ ง ๙ เมตร ยาว ๑๔ เมตร มบี นั ไดขน้ึ ทางดา้ นหนา้ และมชี านระเบยี งกอ่ นจะเขา้ ตวั เรอื น หนา้ จวั่ ของบา้ นเปน็ รปู ดวงอาทติ ยค์ รงึ่ ดวงเปลง่ แสงอยา่ งทชี่ า่ งสรา้ งบา้ นของภาคใตน้ ยิ มทา กนั ใชเ้ วลากอ่ สรา้ ง ๒ ปี งบประมาณ ๓,๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยใชง้ บของเทศบาลตา บลเทพกระษตั รี และคหบดใี นจงั หวดั ภเู กต็
ภายในบา้ นมรี ปู หลอ่ เรซนิ จา ลองของยา่ จนั -ยา่ มกุ ในชว่ งวยั กลางคน ซงึ่ ทง้ั สองทา่ นมผี วิ ขาว ทรงผม ดอกกระทมุ่ อยใู่ นอริ ยิ าบถนงั่ หอ้ ยขาเรยี บรอ้ ยบนตง่ั ไมโ้ บราณ ทงั้ สองทา่ นสวมเสอ้ื ทรงกระบอก หม่ ผา้ สไบ ทับอีกชั้น นุ่งโจงกระเบน พื้นท่ีว่างบนต่ังระหว่างทั้งสองท่านมีเชี่ยนหมากทองเหลืองต้ังประดับ ขณะ ท่ีดิฉันได้เข้ากราบสักการะท่าน รู้สึกขนลุกซู่ตลอด เหมือนกับเราได้เข้าไปนั่งใกล้ผู้ใหญ่ที่ใจดี เอ็นดู ต่อเราที่เป็นลูกหลานของท่านในรุ่นต่อมา สัมผัสได้ถึงพลังใจของท่านที่อาจหาญ สู้รบปรบมือกับข้าศึก
112 ๑๑๒
อนุสาร อ.ส.ท. เมษายน ๒๕๖๓
โดยไมเ่ กรงกลวั ตอ่ ความตาย ประวตั วิ รี กรรมยอ่ ๆ ของย่าจัน-ย่ามุก ขอเล่าโดยสังเขปดังน้ี
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระเจ้าปดุงแห่งพม่า ยกกองทัพรวม ๙ ทัพมาตีไทย โดยกระจายทัพ ต่าง ๆ เข้ามาทางชายแดนไทยทุกทิศ ทัพที่ ๑ ยกมาทางใต้ มที งั้ ทพั บกและทพั เรอื ทพั บกตตี ง้ั แต่ ชุมพรถึงสงขลา ทัพเรือตีหัวเมืองตะวันตก ตั้งแต่