Page 10 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 10

6
ที่ท้อง เร็ว-ช้า หนัก-เบา ก็รู้ชัด, รู้อาการเต้นของหัวใจ ก็รู้ชัดถึงอาการ เกิดดับของการเต้นของหัวใจว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นี่หมายถึงการ ที่เรามีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน
การที่เรามีสติรู้อยู่กับปัจจุบันแบบนี้จะทาให้จิตเรามีความตั้งมั่น ขึ้น จากที่วุ่นวายเขาก็จะค่อย ๆ สงบ ค่อย ๆ บรรเทาเบาบางลงไป สงบ ระงับจากความวุ่นวาย สงบระงับจากกิเลส สงบระงับจากความมีตัวตน สงบระงับจากอกุศลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่เกิด ขึ้นรอบตัวไม่มีอะไรเข้ามารบกวนมากนัก เหลือแต่อารมณ์ภายใน คือ ความคดิ ทเี่กดิ ขนึ้ ภายในจติ ใจของเราคอื จติ ใจทเี่กดิ ความขดั เคอื งขนุ่ มวั เศรา้ หมอง หรอื คดิ เรอื่ งตา่ ง ๆ ทเี่ ปน็ เรอื่ งราวของอดตี บา้ งเรอื่ งของอนาคต บ้าง ทาให้เกิดความวุ่นวายไม่สงบ เกิดความกังวลต่าง ๆ สารพัด
เพราะฉะนั้น การที่เรามีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน นอกจากลมหายใจ เข้าออกของเรา อาจจะเป็นเวทนา เป็นความปวด ความเมื่อย อาการชา อาการคัน เกิดขึ้นตามร่างกาย เราได้ศึกษาธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่บอกว่า ร่างกายนี้เป็นที่ตั้งแห่งกองทุกข์ เป็นที่อาศัยของเวทนาต่าง ๆ เมื่อไหร่ที่เราได้เกิดขึ้นมา มีร่างกายมีรูปสังขารอันนี้ ก็เป็นที่อาศัยของ ทกุ ขเวทนา เดยี๋ วปวด เดยี๋ วเมอื่ ย เดยี๋ วชา เดยี๋ วคนั เดยี๋ วหนาว เดยี๋ วรอ้ น สลับกันไป เหล่านี้เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นถึงธรรมชาติของรูปอันนี้ว่าเป็นที่อาศัยของเวทนา เป็นที่ อาศัยของความเจ็บ ปวด เมื่อย ชา คัน เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่งตึง หนัก เบา เหล่านี้ ที่มีการสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาในชีวิตของเรา เมื่อเห็นอย่าง นี้แล้วคิดอย่างไร ? รู้สึกว่าเบื่อหน่ายกับการเวียนว่ายตายเกิดไหม ? เห็น ไหมว่า รูปนามนี้เขาก็เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เกิดเมื่อไหร่ก็ย่อม


































































































   8   9   10   11   12