Page 111 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 111

เราเป็นผู้หน่ึงที่ได้เกิดมาใต้ร่มบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า เม่ือเราเกิดข้ึนมาในยุคท่ียังมีคาสอนของพระองค์อยู่ ก็ถือ เป็นโอกาสดีแล้ว แต่ถ้าเราได้ศึกษาธรรมะ ได้นาเอาธรรมะมาพิจารณามา ปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ขนึ้ กบั ชวี ติ ของเรา ทบ่ี อกวา่ เปน็ ปฏบิ ตั บิ ชู า จรงิ ๆ การปฏบิ ตั ิ บูชาก็เพ่ือตนเอง แต่เพราะพระองค์ทรงสรรเสริญการบูชาเคารพพระองค์ ด้วยการปฏิบัติธรรม รู้สึกยินดีอนุโมทนาบุญกับบุคคลที่สามารถปฏิบัติ ธรรมและเขา้ ถงึ ธรรมนนั้ ได้ เพราะธรรมนนั้ คอื เปน็ สจั ธรรม เปน็ ความจรงิ ไม่ว่ากี่พันปีก็เป็นอย่างนี้อยู่เสมอ ธรรมะข้อนั้นคืออะไร ?
ที่จริงแล้วเป็นเรื่องปกติ เป็นสัจธรรมธรรมดาของโลก ไม่ว่ายุค ไหนยุคไหนก็ตามก็เป็นอยู่อย่างนี้ นั่นคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยง ความแปรปรวนเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ความ เปน็ อนตั ตา ไมใ่ ชเ่ รา ไมม่ เี รา มแี ตร่ ปู นามทกี่ า ลงั เปน็ ไปตามเหตตุ ามปจั จยั อยู่เนือง ๆ ตรงนี้แหละเป็นสิ่งสาคัญ การที่ปฏิบัติธรรมแบบนี้เป็นไปเพื่อ อะไร ? เพื่อความหลุดพ้น เพื่อความอิสระ เพื่อความพ้นจากพันธนาการ การผูกมัดยึดเหนี่ยวด้วยโลภะ โทสะ โมหะ โลภะ-โทสะ-โมหะของใคร ? ก็ของบุคคลนั้น ๆ นั่นเอง จะปรากฏเกิดขึ้นมาเพราะความไม่รู้... ไม่รู้อะไร ?
ไม่รู้ความจริงว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา ไม่รู้ว่ารูปนามขันธ์ห้าหรือสภาวธรรมทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นมานั้นล้วน ตั้งอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราไม่ใช่เขานั่นเอง และมี พระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวที่นาธรรมะความจริงตรงนี้มาเปิดเผยให้ กับสัตว์โลกต่าง ๆ ได้รับรู้ เรียนรู้ และเข้าถึงถึงความเป็นอิสระอย่างที่ พระองค์ทรงถึงแล้ว เป็นอิสระทางจิตที่ไม่ถูกพันธนาการ ไม่ถูกครอบงา ดว้ ยอวชิ ชา ไมถ่ กู ครอบงา ดว้ ยโลภะ ไมถ่ กู ครอบงา ดว้ ยโทสะ ซงึ่ ทา ใหส้ ตั ว์
107


































































































   109   110   111   112   113