Page 122 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 122

118
ที่เราเคยยึดตั้งแต่เล็กจนโต บางทีอาจจะยึดหลายภพชาติ เพราะอะไร ? เพราะความไม่รู้ความไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้ใส่ใจพิจารณาถึงความเป็นไป ของรูปนาม หรือเพราะไม่ได้ใส่ใจคาสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม พุทธเจ้าเลยว่าพระองค์สอนเรื่องอะไร แสดงอะไร
รู้แต่ว่าพระองค์นั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลก เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไปกราบ ทุกครั้งก็ขออย่างหนึ่ง ไปกราบครั้งนี้ไปขออีกอย่างหนึ่ง ไม่ได้ขอเพื่อที่ จะรู้ธรรมคาสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้เป็นอย่าง นั้น ขอให้เป็นอย่างนี้... เป็นแล้วเป็นไงล่ะ ? ขอไปขอมาอยากเป็นเทวดา เป็นเทวดาแล้วไปยังไงต่อ ? ยังวนเวียนเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด แต่คาสอนของพระองค์นั้นมีเจตนามีเป้าหมายเพื่อการออกจากทุกข์เป็น ที่ตั้ง เพราะชีวิตของคนเราเวียนว่ายตายเกิดไม่แน่นอน ที่บอกว่ารูปไม่ เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง รวมแล้วขันธ์ทั้งห้า ไม่เที่ยง เพราะเขาเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างนั้นตามปกติธรรมชาติเลย
และเมื่อมีขันธ์ทั้งห้า มีอารมณ์ทั้งหก รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณเ์ กดิ ขนึ้ มา พอรบั รแู้ ลว้ กเ็ ขา้ ใจวา่ อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ มาเปน็ ของเรา เข้าใจว่ารูปนามขันธ์ห้าเป็นของเราแล้วไม่พอ ยังเอาเรื่องภายนอกมาเป็น ของเราอกี แบกอารมณภ์ ายนอกอกี หา้ หกอยา่ ง หา้ ขนั ธบ์ วกกบั อารมณห์ ก อีก... แล้วขันธ์ข้าง ๆ อีกห้าขันธ์ก็แบกกันไป บางคนไม่ใช่แบกขันธ์ตัวเอง อย่างเดียว แบกขันธ์คนอื่นหลายขันธ์หลายขันธ์เข้า... ก็พะรุงพะรัง จะทา อะไรก็ติดขัด พอแบกมาก ๆ กลายเป็นห่วงนะ พะรุงพะรังเขาเรียก “ห่วง” หลายห่วงพอเดินไปก็ดึงรั้งกันอยู่ตลอดเวลา ไม่อิสระ
เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้เราพิจารณาสภาวธรรมตรงนี้ กลับมาดูใกล้ที่สุด ดูรูปนามขันธ์ห้า ดูกายดูจิตของเรา ที่บอกว่าเป็นของ


































































































   120   121   122   123   124