Page 143 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 143

อย่างนี้เวลานั้นเป็นอย่างนั้น นั่นก็คือเขาเป็นอย่างนั้น และเกิดขึ้นแล้ว จริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เกิด
สภาวธรรมที่กาลังพิจารณาอยู่ก็เช่นเดียวกัน เราปฏิบัติ ไม่ว่าจะ เป็นหลับตาพิจารณาอาการเกิดดับของลมหายใจ พิจารณาอาการเกิดดับ ของพองยุบ พิจารณาอาการเกิดดับของเสียงที่เกิดขึ้น พิจารณาอาการ เกิดดับของความคิด พิจารณาอาการเกิดดับของสีแสงที่เกิดขึ้นข้างหน้า ก็พิจารณากาหนดรู้ตามที่เป็นจริงว่าเกิดดับแบบไหน ก็เห็นตามนั้น... สภาพจิตเราก็เหมือนกัน ลองสังเกตดู จิตใจของเราลึก ๆ จริง ๆ ตอนนี้ เปน็ อยา่ งไร—เปน็ ความสงบกใ็ หร้ ชู้ ดั ตามความเปน็ จรงิ วา่ สงบ ถา้ เบากใ็ ห้ รู้ชัดตามความเป็นจริงว่าเบา ว่างก็ให้รู้ชัดตามความเป็นจริงว่าว่าง ทุกข์ ก็รู้ชัดตามความเป็นจริงว่าทุกข์ ขุ่นก็รู้ชัดตามความเป็นจริงว่าขุ่น เพราะ อะไร ?
การที่เรารู้ชัดตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ เราจะเห็นถึงความไม่ เที่ยง การเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป มีความชัดเจนเช่นเดียวกัน การเห็นการ เปลี่ยนแปลงก็ชัดเจนเช่นเดียวกัน พอมีความทุกข์เกิดขึ้นมา การดับทุกข์ ก็มีความชัดเจน ทุกข์ดับก็ชัดเจน ทุกข์เกิดขึ้นก็ชัดเจน การป้องกันทุกข์ ได้ก็ชัดเจน การที่เรามีสติพิจารณาถึงความเป็นคนละส่วน ส่วนหนึ่งก็คือ ว่า การที่เราหมั่นพิจารณาความจริงข้อนี้อยู่เนือง ๆ เมื่อมีความเข้าใจถึง สจั ธรรม การปอ้ งกนั ความทกุ ขท์ จี่ ะเกดิ ขนึ้ จากอารมณท์ เี่ ขา้ มากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนั้น จะป้องกันได้ดี หรืออารมณ์ที่เข้ามากระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะทาให้จิตใจเราทุกข์น้อยลง เพราะอะไร ? เพราะปัญญา
139


































































































   141   142   143   144   145