Page 151 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 151

มีอย่างเดียวคือความปรารถนาที่จะให้ทุกคนนั้นพ้นจากทุกข์ ปรารถนาให้ทุกคนนั้นเจอกับความอิสระ เจอแสงสว่างของชีวิต ไม่ว่า บุคคลนั้นจะเป็นอย่างไร นี่คือความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธ องค์ ทรงเสด็จไปสถานที่ต่าง ๆ เพื่อนาธรรมะที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วไป บอกกล่าวให้กับผู้มีปัญญาที่ปรารถนาจะออกจากทุกข์จะออกจากการ เวยี นวา่ ยตายเกดิ ใหม้ แี นวทางในการปฏบิ ตั ใิ นการดา เนนิ ชวี ติ เพอื่ การพน้ จากวัฏสงสาร จนมีผู้เลื่อมใสศรัทธาปรารถนาที่จะออกบวชตามพระพุทธ องค์ทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พระองค์ก็อนุญาตให้บวช พอบวชแล้วก็ตาม พระองค/์ ฟังธรรมของพระองค์ จนมาถึงวันหนึ่ง เหมือนวันนี้ ที่เรียกว่า “วันมาฆบูชา” วันเพ็ญเดือนสาม ภิกษุ ๑,๒๕๐ องค์มาประชุมกันโดยไม่ ได้นัดหมาย ไม่ได้เขียนเป็นจดหมาย ไม่ได้ส่งไลน์ ไม่ได้ส่งอีเมล์ ไม่เล่น เฟสบุ๊ค แต่ก็มาประชุมกันได้ในวันเพ็ญเดือนสาม
ภิกษุ ๑,๒๕๐ องค์นั้น ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพ ล้วนแต่เป็นพระ อรหันต์ทั้งสิ้น และเป็นภิกษุผู้ได้รับอุปสมบทจากองค์สมเด็จพระสัมมา- สมั พทุ ธเจา้ คอื พระพทุ ธเจา้ เปน็ ผบู้ วชใหด้ ว้ ยเอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา เอหภิ กิ ขุ อุปสัมปทา คือ พอฟังธรรม บรรลุธรรม เข้าใจในธรรมแล้ว จึงขอบวชกับ พระพุทธเจ้า พอขอบวชกับพระพุทธเจ้า พระองค์บอกว่า “จงเป็นภิกษุมา เถิด” แค่นั้นเองก็ได้บวชเป็นพระแล้ว “เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด” อย่างหนึ่ง และ “จงทาที่สุดแห่งกองทุกข์เถิด” บุคคลผู้หลุดพ้นแล้วหรือเป็นพระ อรหันต์แล้ว ก็ “เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด” ผู้ที่ยังเพียรต่อ ก็ “จงทาที่สุดแห่ง ทุกข์เถิด” เป็นคารับการเข้าเป็นนักบวชในสมัยที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ใหม่ ๆ แล้วก็เผยแผ่ธรรม
วันเพ็ญเดือนสาม ที่เราเรียกว่าเป็น “วันมาฆบูชา” ในคืนวันเพ็ญ
147


































































































   149   150   151   152   153