Page 179 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 179

ก็เป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป เหมือนที่เราพิจารณากาหนดรู้ ถึงความเป็นคนละส่วนระหว่างรูปขันธ์กับตัววิญญาณขันธ์ ถึงแม้รูปนี้ จะเป็นสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งด้วยธาตุทั้งสี่ สังขารขันธ์ที่เป็นรูปสังขารนี้ก็ ไมไ่ ดบ้ อกวา่ เปน็ เรา เปน็ แคร่ ปู รปู หนงึ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ตงั้ อยู่ และเปน็ ไปตามเหตุ ปัจจัยของตนของตนในแต่ละขณะ
ทีนี้ สังขารขันธ์ตัวสาคัญก็คือตัวจิตสังขาร จิตสังขารนี้สาคัญ สาคัญอย่างไร ? เพราะถ้าตัวจิตสังขาร/การปรุงแต่งทางจิตนั้น มีโมหะ เป็นมูล มีโลภะเป็นมูล มีโทสะเป็นมูลแล้ว การปรุงแต่งตรงนั้นจะเป็นไป ในลักษณะอย่างไร ? การปรุงแต่งนั้นเป็นกุศล/เป็นอกุศลเกิดขึ้น ? ยิ่งถ้า ถูกครอบงาด้วยอวิชชา ถูกครอบงาด้วยโมหะ ถูกครอบงาด้วยโลภะ ถูก ครอบงาด้วยโทสะ ก็จะปรุงแต่งในฝ่ายอกุศลเสียเป็นส่วนใหญ่ สังขาร ตรงนี้แหละเมื่อปรุงแต่งจนมีกาลังมากขึ้น จิตตรงนี้ก็จะเป็นตัวสั่งให้การ กระทา ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมเกิดขึ้นมา... กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่ปรากฏขึ้นมานั้นส่งผลต่อชีวิตคนเราต่อ ไปในภายภาคหน้า ส่งผลเป็นไปตามการกระทาของตนของตน
เพราะฉะนั้น การกาหนดรู้ถึงความเป็นจริงว่าสังขารขันธ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นเรา เป็นเขา หรือเป็นใคร เป็นแค่เพียงขันธ์ขันธ์หนึ่งที่ เกิดขึ้นมาทาหน้าที่ของตน ถ้ากาหนดรู้ถึงความเป็นคนละส่วนแบบนี้ได้ การทสี่ งั ขารขนั ธท์ ปี่ รากฏเกดิ ขนึ้ จะประกอบดว้ ยอกศุ ลกจ็ ะลดลง ประกอบ ด้วยโลภะ โทสะ โมหะจะลดลงน้อยลง เพราะอะไร ? เพราะสติ สมาธิ ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้วว่า สังขารขันธ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่ง เป็นขันธ์ขันธ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เข้าไปยึดเอาว่าเป็นของเราไม่ได้ เกิดขึ้น...ทาหน้าที่ของตนของตนไป
175


































































































   177   178   179   180   181