Page 225 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 225
วาบหาย สว่างวาบ ดับวับหาย วับหายไป... นั่นคือมีสภาวธรรมปรากฏ ขึ้นมา
เพราะฉะนั้น เราจะเห็นว่าธรรมะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แล้วการ ปฏบิ ตั ธิ รรมของเราจะมองขา้ มเวลาตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งไร ? บางครงั้ นงั่ สบาย ๆ นั่งแบบผ่อนคลาย เหมือนไม่มีเจตนาที่จะรู้ ไม่มีเจตนาที่จะปฏิบัติธรรม แต่เมื่อผ่อนคลาย สมาธิเกิดขึ้นมา สติมีกาลังมากขึ้น อาการเกิดดับที่กาย ที่รูปปรากฏขึ้นมา มีอาการเต้นของหัวใจ มีอาการสั่น มีอาการไหว ๆ เกิด ขึ้นมา นั่นคือสภาวธรรมเกิดขึ้น ถึงแม้ไม่มีเจตนาที่จะมุ่งที่จะปฏิบัติ แต่ เมื่อสติ-สมาธิ-ปัญญาแก่กล้ามากขึ้น สภาวธรรมเหล่านี้ปรากฏเกิดขึ้นเอง โดยปริยายเช่นเดียวกัน
นี่แหละคือธรรมะที่เราปฏิบัติ ถึงบอกว่ารูปนามขันธ์ห้านั้นทา หน้าที่ของตน ปรากฏเกิดขึ้นเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะเหตุนี้แหละ พระองค์จึงตรัสว่ารูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่ เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหมดไปหาย ไป ควรหรือที่จะยึดว่าเป็นตัวเราของเรา ? เขาเป็นอัตตาหรืออนัตตา ? ไม่ สามารถบงั คบั บญั ชาได้ เปน็ อยอู่ ยา่ งนนั้ ตลอด เพราะฉะนนั้ ควรหรอื ทจี่ ะ ยึดว่าเป็นตัวเราของเรา ? อันนี้เบื้องต้นการพิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้น ทีนี้เมื่อรู้ว่าไม่มีตัวเรา ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวเราของเรา และไม่ควรเข้าไป ยึด แล้วการที่จะพัฒนาสติ-สมาธิ-ปัญญาให้แยบคายให้แก่กล้ายิ่งขึ้นเพื่อ พิจารณาสภาวธรรมที่ละเอียดแยบคายยิ่งขึ้นไป ทาอย่างไร ?
หนา้ ทขี่ องเราคอื การพจิ ารณา พรอ้ มทจี่ ะกา หนดรอู้ ารมณท์ เี่ ขา้ มา กระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ พร้อมที่จะกาหนดรู้ถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดบั ไป ของอารมณท์ กี่ า ลงั ปรากฏ ณ ปจั จบุ นั ขณะอยเู่ นอื ง ๆ การทกี่ า หนด
221