Page 24 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 24
20
ถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ใครก็ตามที่ได้เห็นความทุกข์ข้อนี้จิตจะคลาย จากอปุ าทาน แลว้ จะเหน็ วา่ ทกุ ขด์ บั ไปแลว้ จติ เปน็ อยา่ งไร อนั นเี้ ปน็ สภาวะ ปรมัตถ์
แ ล ว้ ก า ร ท เี ่ ห น็ ท กุ ข ท์ เี ่ ป น็ บ ญั ญ ตั ทิ เี ่ ป น็ ท กุ ข ท์ า ง ใ จ ค ว า ม ข น่ ุ ม วั เ ศ ร า้ หมองเกิดขึ้น เวลาทุกข์เขาดับไปแต่ละครั้งนี่ รู้สึกเป็นอย่างไร ? มีความ ทุกข์ มีสติเข้าไปกาหนดรู้ ทุกขเวทนาหมดไปในแต่ละครั้ง สภาพจิตใจ เปลี่ยนเป็นอย่างไร ? เปลี่ยนเป็นความผ่องใส เปลี่ยนเป็นอุเบกขา หรือ เป็นความโสมนัสขึ้นมา หรือมีความเบิกบานขึ้นมาทุกครั้งที่เราสามารถ ดับได้ และที่สาคัญที่สุดก็คือว่า ใครก็ตามที่สามารถเห็นอาการเกิดดับ ที่เป็นทุกขลักษณะที่เป็นปรมัตถ์แบบนี้ ส่วนใหญ่ทุกขเวทนาทางใจจะ น้อยหรือจะสั้นลง ความทุกข์จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ กลายเป็นสุขเวทนา หรือว่าเป็นโสมนัสเวทนา
เพราะฉะนั้น สังเกต รู้ว่าทุกข์ดับแล้ว ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร ? เหน็ ทกุ ขเ์กดิ ขนึ้ -เหน็ ทกุ ขด์ บั ไปเหน็ ทกุ ขเวทนาเกดิ ขนึ้ -เหน็ ทกุ ขเวทนา ดับไป เหลือแต่ทุกขลักษณะของรูปนามที่กาลังปรากฏในชีวิตของเรา ทุก ๆ ขณะที่เกิดขึ้น นี่แหละสิ่งสาคัญ ที่เรามานั่งปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร ? การปฏิบัติธรรมเพื่อเห็นความจริงข้อนี้นี่แหละ เขาเรียก “เป็นสัจธรรม” พระพุทธองค์ตรัสรู้สัจธรรมความจริงทั้งสี่อย่าง คือตรัสรู้เรื่องทุกข์ เหตุ ให้เกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ และรู้ว่าทุกข์สิ้นแล้ว
คา วา่ “ขอ้ ปฏบิ ตั ถิ งึ ความดบั ทกุ ข”์ คอื อะไร ? ในขณะทเี่ ราสมาทาน ศีลเรียบร้อย เรามานั่งกรรมฐานอยู่นี้ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์คือ อะไร ? คือการใช้สติ สมาธิที่มีอยู่ ปัญญา เข้าไปพิจารณาถึงสภาวธรรมที่ กาลังปรากฏจริง ๆ ตรงนี้ นี่แหละคือมรรค นี่แหละคือทางเดิน ที่บอก