Page 59 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 59
ไม่ตรงจุด จะทาให้การปฏิบัติธรรมของเรา หรือการเรียนรู้ธรรมะของเรา ไม่ส่งผลดี หรือเราไม่สามารถเอาธรรมะที่เราศึกษามาแล้วไปใช้ให้ถูกต้อง ตรงกับเหตุปัจจัยนั้น ๆ ได้ อันนี้ข้อหนึ่งที่เรารู้สึกว่าศึกษาธรรมะแล้ว เหมอื นธรรมะไมช่ ว่ ยอะไรเราเลย เรยี นรธู้ รรมะไปมนั ชว่ ยอะไรกบั ชวี ติ ของ เรา ?
แตธ่ รรมะทเี่ กยี่ วกบั ชวี ติ ของเราจรงิ ๆ ทเี่ ปน็ ปจั จบุ นั ทจี่ า เปน็ ตอ้ ง ใช้จริง ๆ กลับเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว กลับเป็นสิ่งจาเป็นที่สุดกับชีวิตของเรา กลับเป็นสิ่งที่เราต้องใช้อยู่ทุกวัน ในการดาเนินชีวิตของเราเราต้องมีสิ่งนี้ อยู่เสมอ นั่นก็คือ “สติ” ของเรา มีสติในการรับรู้ทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้น มีสติรับรู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของ เรา นี่คือสิ่งจาเป็นที่เราควรมี เราควรมีเพื่ออะไร ? การที่มีสติรู้อยู่กับ ปัจจุบัน รู้เท่าทันอารมณ์ที่ปรากฏเกิดขึ้น ทาให้เกิด “ปัญญา”
ปัญญาที่เกิดขึ้นมาให้เรารู้ถึงคุณและโทษของสิ่งที่เข้ามากระทบ ของอารมณท์ ปี่ รากฏเกดิ ขนึ้ มาใหร้ บั รู้ ถา้ เราไมม่ สี ตริ อู้ ยกู่ บั ปจั จบุ นั เราจะ รู้เท่าทันสิ่งที่เป็นคุณเป็นโทษได้อย่างไร ? บางครั้งจะทาให้เราเพลิดเพลิน อยู่กับอนาคต หลงใหลยึดติดอยู่กับอดีต ไม่รู้ว่าปัจจุบันจริง ๆ นั้นเป็น อย่างไร ไม่ว่าจะทากิจการงานอะไรก็ตาม สิ่งที่สาคัญเลยก็คือ “สติ” มีสติ มีสติ รู้อยู่กับปัจจุบัน รู้อยู่กับการกระทาของเรา รู้อยู่กับคาพูดของเรา รู้ อยู่กับความคิดของเรา นี่คือธรรมะข้อสาคัญที่จะนามาซึ่งประโยชน์สุขแก่ ผู้ใช้ ผู้ใดก็ตามที่นาสติมาใช้กับชีวิตของตนเองอยู่เนือง ๆ ย่อมได้รับผล สมควรแก่การกระทาของตน ย่อมได้รับผลดีอยู่เสมอ
ทนี คี้ า วา่ “มสี ตริ อู้ ยกู่ บั อารมณป์ จั จบุ นั ” ในขณะทเี่ รามเี จตนามสี ติ
55