Page 75 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 75

ทางกาย ทางวาจา ทางใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นคาพูด กิริยา หรือความคิด ก็อยู่ในความเป็นกุศลเป็นสาคัญ การไม่ทาบาปทั้งปวงเป็นอย่างไร ? ก็ เหมือนที่เราอาราธนาศีลนั่นแหละ สมาทานศีลคือน้อมเอามาเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก เป็นแนวทางในการกระทาของเรา เราทาปฏิญญากับตัวเองว่า งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการเบียดเบียน งดเว้นจากการเอาของ คนอื่นที่เขาไม่ได้ให้ งดเว้นการผิดทานองคลองธรรม งดเว้นการพูดส่อ เสียดพูดคาหยาบพูดเพ้อเจ้อ งดเว้นจากการเสพเครื่องดองของเมาต่าง ๆ ถ้าเราน้อมนาธรรมะเหล่านี้มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนของเรา ชีวิต ของเราก็จะพบกับสันติสุขทั้งปัจจุบันแล้วก็อนาคต “อนาคต” ในที่นี้หมาย ถึงว่าภพหน้าชาติหน้า ไม่ใช่แค่ชาติปัจจุบันอย่างเดียว อันนี้ส่วนหนึ่ง
ในการนอ้ มนา คา สอนขององคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ มาเปน็ แนวทางในการปฏิบัติ นอกจากที่เป็นคาสอนเรื่องของศีลแล้ว ทีนี้ก็เรื่อง ของธรรม ธรรมะคา สอนไหนทเี่ ราควรจะใชเ้ พอื่ ทา ใหเ้ กดิ ประโยชนก์ บั ชวี ติ เราไดม้ ากทสี่ ดุ บางคนมธี รรมะขอ้ เดยี วกน็ า ชวี ติ ใหป้ ระสบความสา เรจ็ ได้ ประสบกับความสุขได้ นั่นก็คือ มีขันติ มีความอดทน ขันติ ปรมัง ตโป ตีติกขา ขันติ คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง ทาให้ เราอดทนต่อสิ่งที่มารบเร้า ทาให้เราเกิดความทุกข์ ความหงุดหงิด ความ ขัดเคือง ความไม่พอใจ หรือความอยาก รู้จักอดทนอดกลั้นกับสิ่งที่ เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันนี้อย่างหนึ่ง
และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ธรรมะที่จะนาพาเราให้พ้นจากวัฏสงสาร ธรรมะที่ละเอียดที่ยิ่งขึ้นไปที่เราศึกษาน้อมนามาเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม เพื่อการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง ก็คือการ พิจารณาน้อมนาคาสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปฏิบัติ
71


































































































   73   74   75   76   77