Page 160 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 160
142
การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยาก เป็นคนไม่ธรรมดา ก็ต้องใช้สติ ใช้ปัญญาพิจารณาให้เยอะ มีสติรู้อยู่กับ ปัจจุบันให้มาก แล้วเราก็จะรู้สึกว่าเราไม่ธรรมดา เรามีสติต่อเนื่องได้มากกว่า เดิมเยอะ เมื่อก่อนก็เป็นคนธรรมดา ๆ ตอนนี้ก็จะเปลี่ยนแล้ว เป็นนักปฏิบัติ แล้ว เราใช้ชีวิตแบบธรรมดา แต่มีสติรับรู้แบบไม่ธรรมดา สติเรารู้ไวขึ้น สมาธิ อยู่กับอารมณ์ปัจจุบันเห็นชัดขึ้น รู้ว่าตัวเองทาอะไร จัดระเบียบชีวิตตัวเอง ได้ดี นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม
แต่ถ้าต้องการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น บางครั้งต้องอาศัยการนั่งสมาธิ การเดินจงกรม เขาเรียก “อิริยาบถหลัก” บางครั้งการพิจารณาอาการเกิด ดับ เราต้องอาศัยอิริยาบถนิ่ง ๆ คืออาศัยอารมณ์ให้น้อยลง จิตเราอยู่กับ ปัจจุบัน แล้วก็เจาะสภาวะ รู้อาการเกิดดับเป็นระยะ ๆ ไป แต่ถ้าใครที่มีสติ แก่กล้าแล้ว แม้จะทางานเร็วแค่ไหน ก็สามารถกาหนดรู้อาการเกิดดับได้ และ ทางานด้วยใจที่ว่าง ที่มีความสุขได้ และถ้าทาแบบนี้บ่อย ๆ เราก็จะเป็นผู้มี ความชานาญในการใช้ความสุขรับรู้อารมณ์ ต่อไปถ้าชานาญมากขึ้น ก็กลาย เป็นผู้เชี่ยวชาญ เราก็จะรู้สึกว่าทาได้ง่ายนิดเดียว แค่นิ่ง ยกจิตขึ้นสู่ความว่าง ความสุขก็เกิดแล้ว นิ่ง ยกจิตขึ้นสู่ความว่าง ความทุกข์ก็หายไปแล้ว หรือว่า พอไปรู้ ความทุกข์ก็ดับไปแล้ว นั่นคือการปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติ ต้องนั่งอย่างเดียวไหม ? การปฏิบัติธรรมได้ทุกอิริยาบถ ได้ทุกที่ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้น นี่แหละคือสิ่งที่ต้องเอา ไปใช้กับชีวิตของเรา ไม่อยากให้เราเกิดความรู้สึกว่า ธรรมะกับชีวิตช่างอยู่ ห่างไกลกันเหลือเกิน จริง ๆ แล้ว ชีวิตนี่แหละคือก้อนของธรรม แต่เราจะ เอาธรรมะนี้ไปใช้แบบไหน ? ทาอย่างไรเราถึงจะเข้าใจก้อนธรรมนี้มากขึ้น อย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจ เข้าถึง และดับทุกข์ได้แล้ว ? พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เรื่องทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติถึงความดับทุกข์ และรู้ว่าทุกข์ดับแล้ว เราจับหลักตรงนี้ให้ได้ จาให้ได้ เราจะได้รู้ว่าธรรมะเป็นเรื่องไม่ยาก