Page 93 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 93

75
ปล่อยสบาย ๆ แล้วเรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้ว คนละอย่างกัน! ต้องใส่ใจที่ จะรู้ ที่จะสังเกต
มีเยอะแยะญาติโยมที่ทางานนี่แหละปฏิบัติธรรม กลางวันก็ไปทางาน แล้วมาเล่าสภาวะ ทางานอยู่ในเมือง คุยกับลูกค้า เวลาโทรศัพท์หรือสนทนา กัน ทาจิตของเราให้ว่างให้กว้างกว่าคู่สนทนา และคุยผ่านความสงบ คุยผ่าน ความสุข นี่คือการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติอย่างไร ? ยกจิตขึ้นสู่ความสุข และ ให้พูดผ่านความสุขออกไป คนฟังจะรู้สึกยังไง ? นี่แหละถึงบอกให้เติมความ สุขแล้วเอาไปใช้ประโยชน์ เราก็จะปฏิบัติธรรมได้ทั้งวัน ไม่ใช่ว่าต้องเข้าคอร์ส กอ่ นถงึ จะปฏบิ ตั ิ ปหี นงึ่ เขา้ ครงั้ หนงึ่ แลว้ กอ็ ยากใหท้ กุ ขห์ ายไปเกลยี้ งทเี ดยี ว... สั่งสมมาทั้งปีได้แค่นี้ก็ดีแล้ว!
การปฏิบัติธรรมไม่ได้จบตอนที่เราออกจากคอร์สนะ การปฏิบัติธรรม จะจบต่อเมื่อเรา “อยู่จบพรหมจรรย์” เพราะฉะนั้น กาหนดเวลาไม่ได้ ให้เรา ถือเป็นเรื่องปกติของชีวิตเรา การปฏิบัติธรรม คือ การขัดเกลาตัวเองไม่ใช่ คนอื่น การปฏิบัติธรรมเพื่อละกิเลสตัวเอง ไม่ใช่ละกิเลสผู้อื่น เราปฏิบัติธรรม แล้วเราก็ไปเพ่งคนอื่น ไม่ดี! การปฏิบัติธรรมที่ดี คือ เพ่งตัวเอง รู้จิตตัวเอง อารมณ์ไม่ดีแบบไหนเกิดขึ้น แล้วจะละอย่างไร ? ดับแล้วรู้สึกเป็นยังไง ? อันนี้ต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่า พระพุทธเจ้าออกบวชครั้งแรกเพื่อดับทุกข์ของ ตัวเอง แสวงหาทางเพื่อความหลุดพ้นของตัวเอง นั่นคือเป้าหมาย
เพราะฉะนั้น เราก็เหมือนกัน เราจะเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า เรา ต้องรู้ว่าเราจะละทุกข์ของเราได้อย่างไร ? ทาอย่างไรความทุกข์เราถึงจะหาย ไป หรือกิเลสเราจะน้อยลง ? ไม่ใช่เราปฏิบัติ เราเป็นคนดี แล้วก็บอกว่า คนอื่นต้องดีด้วยนะ เราดีให้เขา “เห็น” ถ้าเขาเห็นว่าเราดี เขาก็อยากดีกับเรา ถ้าเราดี แต่เขาเห็นว่าเราไม่ดี เขาก็ไม่อยากดีกับเราหรอก ใช่ไหม ? เพราะ ฉะนั้น ต้องเข้าใจ เราก็ไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรหรอก แค่จุดเล็ก ๆ อยู่ในโลกนี้ เรา ก็ใหญ่อยู่ในโลกของเรา ใช่ไหม ?


































































































   91   92   93   94   95