Page 50 - C:\Users\Admin\Documents\Flip PDF Professional\Tammavimok 2\
P. 50
ชอบใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง ชอบใจเขาก็สรรเสริญ ไม่ชอบใจเขาก็นินทา
ี
ื
ทีน้มาชีวิตของเราก็เหมือนกัน เม่อเสียงเพลงหายไปกิจแห่งการ
บรรเลงไม่มีอีก เพลงก็มีความสุข คนบรรเลงเพลงตายไปแล้ว ก็ไม่มีใคร
เขาใช้ชีวิตของเรานี ถ้าเราตายแล้ว เราจะเกิดใหม่ เราก็ต้องถูกกิเลสตัณหา
้
อุปาทานและอกุศลกรรมใช้เราต่อไป เราก็มาเลิกให้กิเลสตัณหา อุปาทาน
ี
และอกุศลกรรมมาใช้เสียดีกว่า โดยน้อมนาเอากระแสเพลงท่ฟังมา ว่าเสียง
�
ื
ื
เพลงมันเกิดขึ้นมาเบ้องต้น มันเคล่อนไปหา ใกล้จบเพลงในระหว่างกลาง
ี
แล้ว ในท่สุดเพลงก็จบ
นิตยสารธัมมวิโมกข์
ื
ึ
ื
ชีวิตของเราก็มีสภาพเหมือนกัน ในเม่อมันมีความเกิดข้นมาในเบ้อง
ี
ต้น มีความทรุดโทรมในท่ามกลาง และมีความแตกสลายไป ในท่สุดมันก็พัง
แต่ว่าร่างกายของเรา ถ้าพังเพราะใจมันยังเกาะ มันก็ยังไม่ถึงท่สุดของเสียง
ี
เพลง ก็จะเหมือนกับเพลงที่เขาบรรเลงจบแล้ว ถึงเวลาเขาก็บรรเลงใหม่ เสียง
มันก็ไม่ขาดสาย เราจะทาอย่างไร จะทาเสมือนประหน่งว่า เหมือนเพลงท่เขา
�
�
ึ
ี
บรรเลงแล้วขาดหายไป ไม่มีใครมาบรรเลงอีก คือเข้าถึงจุดจบ คือคนบรรเลง
�
เพลงตาย เคร่องดนตรีทั้งหลายพังเสียงเพลงมันก็ไม่ปรากฏ ทายังไง ถ้าเป็น
ื
ี
ั
้
อย่างน ก็ต้องยอมรับนับถือพระธรรมค�าส่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมสุคต
็
ื
ิ
คอพจารณาในสังโยชน์ 10 เป็นสมฏฐานไว้เป็นประจ�า เรากกะก�าหนดเวลาเข้า
ุ
ื
้
ไว้ว่า สังโยชน์ 10 ประการน ข้อไหนมีผลเป็นประการใด เม่อไรจะถึงปัจจัย
ี
ี
ท่ทาให้เราไม่เกิด เม่อถึงจุดจบเมื่อไร เม่อน้นความสบายใจก็จะย่อมปรากฏ
ื
ื
ั
�
ื
เอาละบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระบรมสุคต เร่องใช้เพลงเป็น
46