Page 35 - DOP annual report 2022
P. 35
ื
2.6 โครงการพัฒนาโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟูเพ่อเตรียมความพร้อมในการปรับพฤติกรรม
ผู้ถูกคุมความประพฤติให้อยู่ภายใต้กฎหมาย
กองพัฒนาการคุมประพฤติได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อด�าเนินโครงการพัฒนาโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู
ื
เพ่อเตรียมความพร้อมในการปรับพฤติกรรมผู้ถูกคุมความประพฤติให้อยู่ภายใต้กฎหมาย โดยมีจุดประสงค์
ึ
ในการให้ผู้ถูกคุมความประพฤติมีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายในทางที่ดีข้น และมีความพร้อม
ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายมากข้น โดยได้ทาการพัฒนาโปรแกรมในรูปแบบค่ายพักค้างหรือ
ึ
�
ึ
ไม่พักค้างข้น จากแนวคิด “วัฒนธรรมในการเคารพกฎหมาย (Culture of Lawfulness)” ซ่งส่งเสริมให้การบังคับ
ึ
ใช้กฎหมายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนในสังคมมีความเคารพต่อกฎหมายจากการยอมรับ
ั
และเห็นคุณค่าของกฎหมายอย่างแท้จริง และไม่เพิกเฉยต่อการกระทาผิดกฎหมาย และได้ใช้ทฤษฎีข้นตอน
�
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมาต่อยอดเป็นกิจกรรมในโปรแกรมด้วย
ื
โปรแกรมแก้ไขฟื้นฟูเพ่อเตรียมความพร้อมในการปรับพฤติกรรมผู้ถูกคุมความประพฤติให้อยู่ภายใต้
กฎหมาย ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 4 หมวด ได้แก่ กิจกรรมหมวดที่ 1 ข้อดีและคุณค่าของกฎหมาย กิจกรรม
ื
หมวดที่ 2 สิทธิพ้นฐานของบุคคล กิจกรรมหมวดที่ 3 พฤติกรรมที่ละเมิดสิทธิพ้นฐานของผู้อื่น และกิจกรรม
ื
ี
ี
หมวดท่ 4 การตั้งเป้าหมายและวางแผนเปล่ยนพฤติกรรม การจัดโครงการประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังน ี ้
กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่อปรับปรุงโปรแกรมฯ กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการทดลองน�าโปรแกรมฯ ไปใช้
ื
ื
กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่อพัฒนากิจกรรมภายหลังจากนาโปรแกรมฯ ไปใช้ กิจกรรมอบรมพนักงาน
�
คุมประพฤติในการใช้โปรแกรมฯ และกิจกรรมการทดลองน�าโปรแกรมฯ ไปใช้ในส�านักงานคุมประพฤติจ�านวน
30 แห่ง ทั้งในรูปแบบค่ายพักค้างหรือไม่พักค้าง
กองพัฒนาการคุมประพฤติได้นาข้อมูลที่รวบรวมจากผู้ถูกคุมความประพฤติ โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง
�
จ�านวน 147 คน และกลุ่มเปรียบเทียบ จ�านวน 106 คน และใช้แบบประเมิน 2 ชุด ได้แก่ แบบประเมิน
ื
ื
ื
เพ่อวัดการมีเง่อนไขต่อกฎหมาย (Rule Conditionality Scale) และแบบประเมินเพ่อวัดความพร้อม
ี
ในการเปล่ยนแปลงพฤติกรรม (URICA) มาวัดผลก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรม ผลการวิเคราะห์จากข้อมูล
พบว่า จากการน�าโปรแกรมฯ ไปใช้กับผู้ถูกคุมความประพฤติ มีผลต่อทั้งความคิดเห็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
ึ
ึ
ในทางที่ดีข้น และความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายมากข้นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับ
ผู้ถูกคุมความประพฤติที่ไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมฯ อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทั้งสองตัวแปรนี้
เมื่อวัดในเวลาที่ต่างกัน ให้ผลที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ความคิดเห็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
้
ึ
ู
่
้
้
ี
ความคิดเหนต่อกฎหมายของผูถกคุมความประพฤติที่เขารวมโปรแกรมฯ ไม่เปลยนไปในทางทีดีขน
็
่
่
ิ
่
ั
อยางมีนยสาคัญทางสถติ หากวดหลังจากทีเข้าร่วมโปรแกรมฯ ทันที แต่เมือเวลาผ่านไป 1 เดือนกลบพบว่า
ั
่
�
่
ั
่
ความคดเหนต่อกฎหมายนันเปลยนไปในทางทีดีขนเมือเทียบกบกอนเขารวมโปรแกรมฯ อยางมีนยสาคัญทางสถติ
่
�
ั
้
่
ี
่
็
้
ิ
้
ั
่
ิ
่
ึ
เนื่องจากความคิดเห็นต่อกฎหมายไม่ใช่ส่งที่สามารถเปล่ยนได้ทันที แต่ต้องเร่มจากการเข้าใจที่มาและ
ิ
ิ
ี
�
ึ
ื
ความสาคัญของกฎหมายก่อน ซ่งในโปรแกรมฯ นี้มีกิจกรรมที่สร้างความเข้าใจเร่องกฎหมาย และปลูกฝังการเคารพ
ิ
ในสิทธ์ของตนเองและผู้อื่นในสังคม ด้วยการให้ผู้ถูกคุมความประพฤติลองเช่อมโยงกับประสบการณ์ท่เก่ยวข้อง
ี
ี
ื
กับการถูกละเมิดสิทธิ์ที่เคยเกิดขึ้นโดยตรงกับเขา หรือเคยเกิดขึ้นกับคนที่เขารัก เพื่อให้เห็นว่าการอยู่ในสังคม
ที่ขาด “วัฒนธรรมในการเคารพกฎหมาย (Culture of Lawfulness)” นั้น ส่งผลเสียต่อทั้งตนเองและคนรอบข้าง
�
33 รายงานประจาปี 2564
Annual Report 2021