Page 453 - เมืองลับแล(ง)
P. 453
ุ
1
คำอ่านจดหมายเหตพระยาพิศาลคีรี (ทับ สุขะเนนย์)
ครั้น ณ วันที่ ๑ เมษายน ปี ๑๑๗ ได้ไปเป็นนายอำเภอเมืองด้ง ได้รับพระราชทานเงินเดอน
ื
เพิ่มขึ้นเป็น ๑๐๐ บาทเมื่อไปถึงอำเภอเมืองดง เห็นชัยภูมิเมืองที่หลวงศรีเทพบาลนายอำเภอเก่าทำ
้
ไว้อยู่กลางป่าหามีเรือนราษฎรไม่ จึงพร้อมด้วยหลวงศรีเทพบาล (โต๊ะ) นายปลื้มสมุห์บัญชี นายเสริม
นายสงัดนายกลายเสมียน ขอแรงราษฎรตัดเสาเลื่อยไม้ ยกศาลอำเภอขึ้นใต้ บ้านหาดเสี้ยว วันที่ ๑
มิถุนายน ศก ๑๑๗ ยกศาลอำเภอรูปทรงมะลิลา ๑ หลัง ด้วยเครื่องไม้สัก ขื่อยาว ๘ ศอก พาไลรอบ
๔ ด้าน ยาว ๖ วา กว้าง ๔ วา ฝากระดาน พื้นกระดานมุงกระเบื้องเกล็ด
้
ปลูกทำเนียบสำหรับขาราชการไปมาพักอาศยรูปทรงมะลลา ๑ หลัง ด้วยเครื่องไม้สักยาว ๖
ั
ิ
วา กว้าง ๔ วา พื้นฟากฝาแผงมุงกระเบื้องเกล็ด ปลกที่พักนายอำเภอ ๑ หลัง รูปทรงมะลิลาด้วย
ู
เครื่องไม้จริง พื้นฟากฝาแผงมุงหญ้าคา ยาว ๖ วา กว้าง ๔ วา ปลูกเรือนปลัดอำเภอ ๑ หลัง รูปทรง
มะลิลา ด้วยเครื่องไม้สักยาว ๖ วา กว้าง ๔ วาพื้นฟากฝาแผงมุงหญ้าคาสิ้นเงินส่วนตัว ๖๔๐ บาท
เงินหลวง ๔๐๐ บาท รวม ๑,๐๔๐ บาท แล้วปลูกศาลกิ่งอำเภอที่บ้านตึ๊ก ๑ หลัง กว้างยาวเทาศาล
่
อำเภอพื้นกระดานฝาไม่มี แล้วทำรั้วไม้จริงล้อมที่ว่าการอำเภอ บ้านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ เป็นสอง
หลั่น คือ สูงแถวหนึ่ง ต่ำแถวหนึ่งสับหว่างกันไปปลายรั้วทำเป็นลูกศรแล้วจารึกไว้ว่า อุตรดิตถ์ทำปี
๑๑๗ แล้วได้ทำถนนในรั้วที่ว่าการยาวไปข้างบ้านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ แล้วปลูกต้นไม้ต่าง ๆ ตาม
ข้างถนนด้วย
วันที่ ๒๐ สิงหาคม ศก ๑๑๗ ได้ขอแรงราษฎรพูนทำถนน ตั้งแต่ศีรษะบ้านหาดเสยวถึงบ้าน
ี้
ไร่ กว้าง ๘ ศอก ยาว ๘๗ เส้น แล้วตัดทางไปถึงบ้านวัดน้อยยาว ๒๐๘ เส้น ยังไม่ได้ก่อเปนตวถนน
็
ั
ได้บอกลงไปมณฑลถวายถนนสายนี้เป็นของหลวง แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนสายนี้ว่า
ถนนอุตราภิรมย์แล้วได้ทำสะพาน ตามถนนสายนี้ขึ้นสองสะพาน คือเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ศก ๑๑๗
ทำสะพานข้ามคลองเหนือบ้านหนองอ้อ ๑ สะพาน กว้าง ๘ ศอก ยาว ๑๒ วา ปูกระดานขวาง ช้าง
ม้าเดินข้ามได้ บอกลงไปมณฑลขอถวายสะพานเป็นของรัฐบาลโปรดให้นามสะพานนี้ว่า สะพาน
ราษฎรบันเทิง วันที่ ๒๑ มีนาคม ทำข้ามคลองบ้านปากเล้าหนึ่งสะพานกว้าง ๘ ศอก ยาว ๑๑ วา ๒
ศอก ทรงโปรดให้นามสะพานนี้ว่า สำเริงนราแล้วได้ยกเสาธงหน้าศาลอำเภอในเดือนมีนาคมยาว ๑๓
วาศาลอำเภอและถนนงดงามขึ้นแต่ปี ๑๑๗ เป็นต้นมา
ราษฎรในบ้านหาดเสี้ยว บ้านแม่รากพากันทำนา ข้าวมักตายฝอยเพราะน้ำในทุ่งนาแห้งจึง
คิดบำรุงราษฎรให้พ้นความอดอยากได้ออกตรวจดูเห็นน้ำหนองหิน หนองผักลุงไหลลงในทุ่งนา ๒
ตำบลนี้ ถ้าถึงฤดูน้ำดีเปิดให้ไหลออกจากหนองหมด เมื่อถึงเดือน ๑๑ – ๑๒ ข้าว จวนออกรวงจึงไม่มี
น้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าว ๆ จึงได้ตายฝอย เมื่อตรวจทางน้ำไหลไปเช่นนี้ จึงได้ชี้แจงแก่ราษฎรให้ช่วยกัน
1 สมชาย เดือนเพ็ญ, ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเมืองเก่าศรีสัชนาลัย, สุโขทัย : โรงพิมพ์วิทยา สุโขทัย, ๒๕๔๙, หน้า ๔๖.
เจ้าหมื่นด้งนคร : ผีอารักษ์ และมายาคติทางประวัติศาสตร์
หน้า ๖๙