Page 585 - เมืองลับแล(ง)
P. 585
หัวข้อที่ ๓ ว่าด้วยเมืองเชียงใหม่และทะเลสาบ ชาวสยามกล่าวว่า เมืองเชียงใหม่ (Chiamái) นั้นอยู่
่
้
ห่างจากพรมแดนแห่งราชอาณาจักรขึ้นไปทางเหนือ โดยใช้ระยะเดินทาง ๑๕ วัน กล่าวคือจะตองเดินทางตอ
จากพรมแดนไปอีก ๖๐ ลี้ หรือ ๗๐ ลี้ การนับวันนี้ถือเอาวันทางการเดินเรือโดยทวนสายน้ำขึ้นไปตามเกณฑ์
้
้
็
ี
เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อราว ๆ สัก ๓ ๆ ปีล่วงมานี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไดทรงกรีธาทัพเสดจขึ้นไปตเมืองนั้นแลวก็
ทรงทิ้งร้างไว้โดยทรงกวาดต้อนเอาประชาชนพลเมืองมาเสียหมดสิ้น ต่อจากนั้นว่า พระเจ้ากรุงอังวะซึ่งเมืองพะ
โคเป็นเมืองขึ้นอยู่ทุกวันนี้เสด็จมาส้องสุมไพร่บ้านพลเมืองขึ้นใหม่ แต่ชาวสยามที่ขึ้นไปในกองทัพเมื่อครั้งนั้น
ไม่มีใครได้เห็นหรือรู้ว่ามีทะเลสาบอันลือนามซึ่งนักภูมิศาสตร์ของเราระบุว่าเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำ และเมือง
ื่
ี่
เชียงใหม่ได้ถือเอาชอทะเลสาบนั้นเป็นชื่อเมืองนั้นเลย อันทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าลางทีทะเลสาบทว่านั้นจะอยู่ไกล
กว่าที่นักภูมิศาสตร์ของเราคาดไว้ก็เป็นได้ หรืออีกทีก็ไม่น่าจะมีทะเลสาบที่ว่านั้นเอาเสียเลย
จากข้อมูลดังกล่าวที่พบในจดหมายเหตุลาลูแบร์ผู้ศึกษาขอสรุปผลการวิเคราะห์ เป็นข้อ ๆ
ดังต่อไปนี้
๑. แม่น้ำ “แม่ตาก”ที่ปรากฏในเอกสารผู้ศึกษามีความคิดเห็นน่าจะเป็นแม่น้ำทาก/ทราก
(ห้วยแม่รากในปัจจุบัน) โดยพิจารณาตามหลักภาษาศาสตร์เทียบเคียงกับสทอักษรพบว่า ตัว M = ม ,e = สระ
ั
แอะ เมื่อนำมาผสมสัทอักษรจึงอ่านออกเสียงเป็น แม หรือ แม่ ในส่วนคำ tac เมื่อเทียบเคียงกับสัทอักษร
พบว่า t = ท,ธ,ต, , a = อะ c = เมื่อนำมาผสมกันจึงออกเสียงเป็น ทาจ จ ทำหน้าที่เป็นตัวสะกดแม่ กก ใช ้
แทน ก เมื่อนำคำทั้งสองคำมาผสมกัน จะอ่านออกเสียงว่า แม่ตาก หรือ แม่ทาก ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น
แม่น้ำซาก (ห้วยทะราก)
ี่
้
๒. จากข้อมูลที่ระบุว่า “เมืองแม่ตากเป็นเมืองทมีเจาสืบวงศครอบครอง และขึ้นตรงตอพระ
์
่
เจ้ากรุงสยาม” นั้น ผู้ศึกษามีความเห็นว่า เนื่องจากเจ้าผู้ปกครองเมืองตากหรือซาก,ชคราว,ชาการาว,ชากังราว
ี่
เป็นเชื้อสายมังรายวงศ์ ซึ่งตามตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ระบุว่า เจ้ายี่กุมกามเจ้าเมืองเชียงรายมาอยู่ทเมืองซาก
และให้ปกครองเมืองซาก
ู
์
ุ
่
ื
๓. เอกสารจดหมายเหตลาลแบร์ ระบุถึงตำแหน่งเมืองแม่ตากมีเจ้าสบวงศครอบครองขึ้นตอ
ิ
กรุงสยามและเรียกตำแหน่งนั้นว่า “พญา” ผู้ศึกษามีความคดเห็นว่า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งของการเรียกชอ
ื่
ผู้ปกครองของล้านนาที่รับมาจากพม่าอีกทอดหนึ่ง เราจะเห็นได้จากเอกสารตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ที่พบว่า มี
การเรียกตำแหน่งกษัตริย์ว่า “เจ้าพระญา,พระญา” อาทิ “ยามนั้น เจ้าพระญาสามฝั่งแกนจิ่งแต่งหมื่นหมาก
ขาม ๑ หมื่นสามหมากปู่ ๑ หมื่นเขม ๑ หมื่นเขื่อ ๑ เขา ๔ ฅนนี้ ทือพลไพตามพระญาไสลือไท บ่รู้ว่าเขาแตง
่
กันเปนหมู่ที่นั้น ลวดคะเชินใส่ชาวใต้ ยอพลเข้ารบกันที่นั้น ชาวเชียงใหม่กับชาวใต้ตายมากนัก” หรือ เรียก
ตำแหน่งกษัตริย์ของฝั่งสยามของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถว่า “พระญาปรัมมไตรโลก” ตัวอย่างกรณ ี
เหตุการณ์ที่พระญายุทธิษฐิระขอเข้าไปอยู่กับพระเจ้าติโลกราชความว่า “เถิงปลีร้วงเม็ด ได้ปลี ๑ พระญายุ
ทธิสเถียร กินเมืองสองแฅวมาน้อมตัวเปนข้าเจาเหนือหัว อุปัตติเหตุมันมีฉันนี้ พระญาปรัมมไตรโลกกับพระญา
้
้
ยุทธิสเถียรสองแฅวเมื่อยังน้อย ขาเจ้าเปนสหายกัน ยุทธิสเถียรจากับพระญาปรัมมไตรโลกว่า คัน เจ้าคู ไดเปน
ท้าวพระญาแล้ววจักหื้อข้าเปนใหย่ปูนใดชา ปรัมมไตรโลกว่า ผิคูได้เปนพระญาแท้ จักหื้อสหายเปนอุปปราชา
กินเมืองเคริ่ง ๑ ชา ว่าอั้น เมื่อปรัมมไตรโลกได้เสวิยราชสัมปัตติแท้ เท่าหื้อยุทธิสเถียรกินเมืองสองแฅวเปล่า
้
ดาย บ่หื้อเปนอุปปราชาดั่งคำปฏิยาณอันได้จากัน ยุทธสเถียรเคยดแก่พระญาปรัมมไตรโลก จิ่งใช้ฅนมาไหว้เจา
เหนือหัวคือเจ้าพระญาติโลกราชะว่า ข้าจักยินดีด้วยเจ้าเหนือหัวชะแล ว่าอั้น เจ้าเหนือหัวว่าดีนักแล หื้อมา
การศึกษาเปรียบเทียบสมมุติฐานเมืองซาก (ทราก) ฯ
หน้า ๙๙