Page 5 - 1
P. 5
จับความเป็นอนิจจังได้ให้มั่นคงแล้ว เราจะเจริญธรรมแค่ไหน สูง เท่าไรเราก็ทําได้ทําไมเพราะเราไม่ได้ติดไม่ไดย้ึดไม่ได้มั่นสงบก็ สงบไป สุขก็สุขไป แต่เรามีสติระลึกรู้ของเราไป ลักษณะเช่นนี้ เรา จะศึกษาจะปฏิบัติไปสูงแค่ไหนก็ไม่ขัดข้อง ถ้าผู้ใดนึกว่าตัวเป็นผู้ วิเศษแล้วไปติดอยู่ในความสุขความสงบเสียแล้ว อยทู่ี่นั่นไม่ต้อง ก้าวหน้าต่อไป อยู่แค่นั้น แล้วผลสุดท้ายก็กลายเป็นผู้วิเศษไปเลย ออกข่าวสั่งสอนโน่น สั่งสอนนี่ แต่ไม่รู้หรอกว่าเป็นผู้วิเศษจริงๆ หรือ เป็นเศษกระดาษ หรือเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว ไม่รู้ตัว ลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่คน ระดับต่ํา มีทั้งฆราวาสและสงฆ์ซึ่งมีการศึกษาสูงๆ จึงเป็นเรื่องที่น่า เสียใจว่า พวกนี้ประพฤติธรรมปฏิบัติธรรมอันไม่สมควรแก่ธรรม
เป้าหมายของธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่ง สอนนั้นทุกเรื่องทุกอย่างเป้าหมายกําหนดไว้ทั้งนั้นเพียงแตท่ําให้ ไม่ตกนรกก็ได้ทําให้ขึ้นสวรรค์ก็ได้ทําใหม้ีความสุขก็ได้ทําให้มีความ สงบก็ได้ ทําให้พ้นจากวัฏฏะก็ได้ นี่เป็นเรื่องของพุทธศาสนา มี เงื่อนไขอยู่ว่าสิ่งเหลา่นี้จะต้องทําให้ถูกผลถึงจะบังเกิด
เมื่อเราได้พูดกันมาถึงแค่นี้แล้ว เราควรจะวกเข้าเรื่องของเราว่า ถ้าอย่างนั้นการทําสมถกรรมฐาน โดยหลักการของการประพฤติธรรม ปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรมนั้น เราควรจะทํากันอย่างไร เรื่องนี้ เกี่ยวกับการทํางานทางใจ ไม่ว่าสมถะหรือวิปัสสนา เราต้องรู้กันเสีย ก่อนว่าพื้นฐานนั้นต้องมีศีลเปน็พื้นฐานแต่ศีลประเภทไหนเป็นพื้น ฐานนั้น เราไว้พูดกันในรายละเอียดทีหลัง เราถือว่าผู้ที่ทําสมาธิได้นี้ ต้องมีศีลเป็นพื้นฐานแล้ว ถ้าไม่มีศีลเป็นพื้นฐาน มีหวังพัง รักษาไม่ อยู่ เมื่อเรามีศีลเป็นพื้นฐาน สมาธิเราก็ทําได้