Page 17 - สนทนาภาษาชาวบ้าน ตอนที่ 12 ทิฏฐุชุกัมมในกัมมฐาน
P. 17

 ๔. การกล่าวคําเพ้อเจ้อเหลวไหล มโนกรรม ๓ ได้แก่
๑. ความอยากได้ของของคนอื่น
๒. ความอาฆาตพยาบาท
๓. ความเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อนี้สําคัญที่สุด ตัวนสี้่งผลให้ไป
เกิดในนรกขุมใหญ่ใน ๘ ขุม ที่เคยได้พูดกันมาแล้ว ไม่ใช่อยู่นรกขุม เล็กขุมน้อย
ตามที่ได้กล่าวมานวี้่าปลิโพธก็ดีนิวรณธรรมก็ดีจิตที่ตกอยู่ใน ฐานะ ๖ ก็ดี การไม่ล่วงอกุศลกรรมบถ ๑๐ ก็ดี เราพร้อมหรือยัง ป้องกันไม่ให้มันเขา้มาได้แล้วโดยแน่นอนหรือยัง และทําลายมัน หมดหมดไปแลว้หรือยัง ถ้าเราทําลายไปหมดเราป้องกันมันไดโ้ดย แน่นอนแลว้ เราก็ได้ชื่อว่าทําอาตาปีได้ไป ๒ ตัว คือ
๑. ความเพียรที่จะป้องกันไม่ให้อกุศลธรรมเข้ามา
๒. ความเพียรที่จะละให้อกุศลธรรมหมดไป
ต่อไป อาตาปีตัวที่ ๓ คือ เพียรสร้างกุศลธรรมให้เกิดขึ้น เพียร อย่างไร พวกเราทุกคนคงจะเอะอะโวยวาย บอกว่าฉันพร้อมแล้วถ้า ไม่ทํา ฉันจะได้ฌานถึงขั้นสูงๆ อย่างนี้หรือ ใช่ ผมไม่เถียง แต่มัน
สมบูรณ์หรือยัง ถ้ามันสมบูรณ์ ก็คงไม่ต้องมานั่งพูดกันอยู่อย่างนี้ กุศลธรรมหรือความดีที่จะต้องเพียรสร้างนี้ เกี่ยวกับงานทางจิต ทิฏฐุชุกรรมของสมถกรรมฐาน ไดแ้ ก่
๑. เพียรทํากรรมฐานนั้นติดต่อกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้
โดยอาศัยศรัทธาตัวเดียวเท่านั้นเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เอาความโลภ หรือความริษยามาทํา เราจะเห็นการทําสมาธิของคนบางคน ส่วนมาก























































































   15   16   17   18   19