Page 30 - จดหมายเหตุ final-2
P. 30

พระราชพิธีแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะและทรงผนวช












































               พระราชพิธีแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ


                                  ี
                      พระรำชพิธีน้ คือกำรประกำศพระองค์ท่ำมกลำงสังฆมณฑลว่ำเป็นผู้เข้ำถึงพระพุทธศำสนำ
                                                                                         ึ
               สมเด็จพระมหำสมณเจ้ำ กรมพระยำวชิรญำณวโรรส ทรงคิดแบบแผนธรรมเนียมข้นโดยทรงเห็นว่ำ
                      ื
                                                                                              ึ
               ศำสนำอ่น ๆ มีพิธีให้บุตรหลำน เข้ำถึงพระผู้เป็นเจ้ำตำมสกุล แม้องค์พระมหำกษัตริย์ของไทยซ่งทรงด�ำรง
               ฐำนะประมุขของประเทศ ก็ทรงยึดถือระเบียบปฏิบัติตำมโบรำณรำชประเพณี คือ ทรงเป็นพุทธมำมกะ
               และองค์อัครศำสนูปถัมภก  ในรัชกำลพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวจึงทรงพระกรุณำ

                                                      ี
               โปรดเกล้ำโปรดกระหม่อมให้พระรำชโอรสท่จะเสด็จไปทรงศึกษำต่อยังต่ำงประเทศ เข้ำพิธีประกำศ
               พระองค์เป็นพุทธมำมกะก่อนเดินทำง และถือเป็นพระรำชประเพณีสืบมำ


                      ก่อนท่พระบำทสมเด็จพระวชิรเกล้ำเจ้ำอยู่หัวขณะด�ำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้ำลูกยำเธอ
                            ี
               เจ้ำฟ้ำวชิรำลงกรณ จะเสด็จไปทรงศึกษำ ณ โรงเรียนคิงสมีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกส์ ประเทศอังกฤษ

                                          ื
               เม่อพุทธศักรำช ๒๕๐๙ น้น เน่องด้วยกำรศึกษำในต่ำงประเทศ ต้องใช้เวลำนำนและอยู่ท่ำมกลำงชน
                 ื
                                      ั
                          ื
               ชำวศำสนำอน พระบำทสมเด็จพระมหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร จึงทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำ
                          ่
               โปรดกระหม่อม ให้ก�ำหนดพระรำชพิธีแสดงพระองค์เป็นพุทธมำมกะ เมื่อวันที่ ๓ มกรำคม พุทธศักรำช
               ๒๕๐๙ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศำสดำรำม จำกน้นได้เสด็จไปทรงศึกษำ ณ ประเทศอังกฤษ
                                                                 ั
               เม่อวันท่ ๗ มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๐๙
                 ื
                       ี

          ๓๐
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35