Page 2 - หมอดินธรรมชาติ
P. 2
“ เส้นสีชมพูอมแดงเส้นเล็ก ๆ ที่ดูนุ่มนิ่ม แต่ก็น่าขยะแขยง มันชอนไชอยู่ในดิน มีตั้งแต่เส้นเล็ก ๆ บาง ๆ
เหมือนเส้นหมี่ ไปจนอ้วนเหมือนหลอดกาแฟ บ้างก็สั้นบ้างก็ยาว พวกมันคือ ไส้เดือน สิ่งมีชีวิตน่าฉงนที่คนส่วน
ใหญ่มักตั้งแง่ในรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดกว่าสิ่งที่คุ้นตา ไม่มีขา ไม่มีแขน ด้านไหนหัว ด้านไหนหาง แยกได้ยาก
ี่
ไม่มีเสียง แถมยังลื่น ๆ หนืด ๆ แต่มันมีประโยชน์และความสามารถททุกคนยอมรับ โดยเฉพาะประโยชน์ของมันที่
ี
มีต่อผืนดิน ภาคการเกษตรเริ่มหันกลับมามองและเพาะเลี้ยงอกครั้ง ”
Earth Worm ไส้เดือนดิน ไส้เดือน หรือรากดิน
เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และก็ไม่มีเปลือกแข็งหุ้มภายนอก ดังนั้นแม้มันจะชื่อว่า Worm แต่มันก็ไม่ได้
กลายร่างเป็นดักแด้หรือแปลงร่างเป็นผีเสื้อหรือแมลงมีปีกอื่น ๆ มันอุทิศทั้งชีวิตของมันอยู่แต่ในดิน และที่เรียกว่า
ไส้เดือนดินก็เพราะว่ามันยังมีญาติอยู่ในน้ำ และในทะเลอีก อย่างเช่น Tubifex ซึ่งคุ้นตาในหมู่นักเพาะเลี้ยงปลา
เพราะว่าไส้เดือนน้ำเป็นอาหารสำหรับปลาและสัตว์น้ำจืดที่มีโปรตีนสูง นิยมใช้กันมานาน และ Sand
Worm ไส้เดือนทะเล หรือเพรียงทรายก็ถูกเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารสำหรับฟาร์มเลี้ยงกุ้งเช่นกัน รูปร่างของ
ไส้เดือนชนิดต่าง ๆ โดยรวมแล้วล้วนแต่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว หัวและท้ายเรียวแหลมซึ่งเหมาะกับการ
เลื้อย หรือชอนไชไปในพื้นผิวต่าง ๆ และมีสสารจำพวกเมือกหุ้มอยู่เพื่อหล่อลื่น คงความชุ่มชื้นให้เหมาะสม
อุปนิสัยหลัก ๆ ของสัตว์ในตระกูลนี้คือย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ ไส้เดือนดินจัดการอาหารในดิน ไส้เดือน
น้ำก็หาอาหารในน้ำ ไส้เดือนทะเลก็กินอาหารอยู่ในทะเล และสิ่งที่เราได้จากการย่อยเหล่านี้ก็คือ สารอาหารที่
กลับคืนสู่ธรรมชาติในรูปแบบของมูล ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับสิ่งมีชีวิตตั้งต้นจำพวกพืชที่จะใช้ประโยชน์ต่อไป เป็น
การหมุนเวียนของสารอาหารในห่วงโซ่นั่นเอง
ไส้เดือนดินมีความสามารถมากกว่าการแปรเปลี่ยนซากพืชซากสัตว์เป็นสารอาหาร ความสามารถในการ
ขุดและมุดของมันทำให้มันเป็นผู้พรวนดินตามธรรมชาติ ทำให้ดินร่วนซุยและเพิ่มคุณสมบัติทางกายภาพของดิน
ดังนั้นดินที่มีไส้เดือนดินอาศัยอยู่จึงมีลักษณะทางกายภาพและทางเคมีเหมาะสมต่อการเพาะปลูกอย่างมาก ดินไม่
แข็งจนเกินไป อากาศสามารถ่ายเทได้ และมีสารอาหารเพิ่มจากมูลไส้เดือน
ปัจจุบันจึงมีการเพาะเลี้ยงไส้เดือนดินเพอให้เกษตรกรนำไปใช้งานในพื้นที่ของตนกันอย่างกว้างขวาง แต่ที่
ื่
ต้องระวังคือความเป็นจริงที่ว่าเรานำสัตว์เข้าไปใช้งานในแปลงเกษตร ดังนั้นการใช้สารเคมีต่าง ๆ ไม่ว่าจะปุ๋ยเคมี
หรือเคมีกำจัดศัตรูพืชต่าง ๆ ล้วนส่งผลกระทบต่อชีวิตของไส้เดือนดิน มันจึงเหมาะกับการเกษตรแบบอินทรีย์
มากกว่า และในปัจจุบันเราก็อยู่ในยุคที่ไส้เดือนดินไม่ได้จำเป็นต่อภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว ยังมีการใช้ไส้เดือนดิน
ในเขตเมืองด้วย เพราะไส้เดือนดินกินซากพืชซากสัตว์ที่เป็นสารอินทรีย์ต่าง ๆ รวมไปถึงเศษอาหารหรือส่วนที่เหลือ
จากกระบวนการประกอบอาหารซึ่งเป็นสารอินทรีย์ ก็สามารถเป็นอาหารให้กับไส้เดือนได้ และการย่อยของ
ไส้เดือนทำให้การกำจัดขยะมูลฝอยจำพวกเศษอาหารจากในเขตเมืองเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิด
ประโยชน์