Page 69 - คุณค่า คุณภาพ คุณธรรม ถอดบทเรียนงานประชุมวิชาการ
P. 69
A4-201
19th HA National Forum
ในส่วนของการแสดงที่ถือว่าเป็นโลกแห่ง มายา ที่ต้องสวมบทบาทต่างๆ แต่พุทธศาสนาซึ่งเป็นโลกแห่งความจริง จะเห็นว่ามีความ แตกต่างกันโดยส้ินเชิง แต่คุณแอนได้นาทั้งสองส่ิงน้ี มาบูรณาการปรับใช้ในการดาเนินชีวิตได้อย่างดี ขณะท่ีในปัจจุบันนี้ได้มารับบท นางร้าย ซึ่ง การรับบทนางร้ายก็ต้องมีความเชื่อในการสวนบทบาทนี้ ที่มักจะมีบทพูดที่ยาวมาก ต้องใช้พลังในการแสดงอารมณ์ โกรธ เกลียด บางครั้ง เกิดอารมณ์ค้าง ในการเป็นตัวละครตัวนั้น จนบางครั้งทาให้นอนไม่หลับ ซึ่งถือว่าเป็น อกุศลจิต ถ้าหากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกนี้ด้วยการทาสมาธิ ผ่อนคลายด้วยการหายใจเข้า หายใจออก ก็จะคล้ายกับคนท่ีข้ีโมโหหรือมีโทสะบ่อยซ่ึงเป็นเร่ืองท่ีไม่ดี ในมุมมองของคุณแอนมองว่า ละครซ่ึง บางครั้งเป็นเหมือนน้าเน่า แต่ในชีวิตจริงอาจจะเน่ายิ่งกว่าละคร เพราะถ้าไม่มีหลักในการดาเนินชีวิตผสมผสานกับกิเลส หรือเหตุการณ์บางอย่าง อาจนาพาไปทาให้การดาเนินชีวิตผิดพลาดได้ จนบางครั้งไปไกลเกินกว่าที่จะหันกลับมาตั้งหลักชีวิตใหม่ได้ ดังน้ันเราควรมีหลักในการดาเนินชีวิต ซ่ึงจะทาให้การดาเนินชีวิตไม่ผิดพลาด
เมื่อเสวนาในถึงช่วงนี้ คุณหมอทวีศิลป์ ได้เสริมว่า ในทางหลักจิตวิทยาเรียกว่า Drama therapy เป็นรูปแบบของละคร เป็นการถอดแบบ ความรู้สึกในบทบาทน้ันๆ สะท้อนเป็นภาพกลับมา เช่น ถ้าหากกาลังโกรธลูก ก็ต้องแสดงเป็น ลูก ในขณะน้ันดู จะทาให้เข้าใจความคิด ความรู้สึก ของลกู หรอื การสวมบทบาทเปน็ คนทเี่ ราอยากจะเรยี นรู้ กจ็ ะทา ใหเ้ ขา้ ใจในตวั ตนของคนๆ นนั้ ยงิ่ ขนึ้ ซงึ่ จะชว่ ยใหค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลนน้ั ดขี นึ้
แม่ต้อย ได้ถามคุณแอนต่อว่า การเข้าถึงในแต่ละบทบาทอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทร้องไห้หรือบทนางร้ายน้ันจะต้องทาอย่างไร ซึ่งคุณแอนก็ได้อธิบายว่า ในช่วงแรกที่ต้องเรียนรู้ส่ิงใหม่ๆ อาจจะรู้สึกยากเสมอ แต่เมื่อทาไปได้สักระยะจะเกิดการเรียนรู้ถึงวิธีการท่ีจะทาในสิ่งน้ัน สิ่งสาคัญสาหรับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานใดก็ตาม ถ้าหากไม่ใส่ใจ ขาดความต้ังใจด้วยจิตวิญญาณแล้วนั้น การทา ส่ิงใดด้วยความฝืนก็จะ เกิดความยาก ดังนั้นสิ่งสาคัญ คือ ทาทุกวันของชีวิตให้มีความสุข รู้สึกว่าอยากที่จะไปทางาน อย่าไปคิดคาดการณ์ล่วงหน้า ขอให้ทาทุกวันนี้ให้ดี ทาให้เป็นชีวิตที่มีคุณค่าและชีวิตก็จะมีความสุข
ทพ.วีระ ได้กล่าวสรุปประเด็นน้ีว่า ไม่ว่าจะทาอะไรก็ตาม เมื่อทาด้วย “ความใส่ใจ” ไม่ต่างกับอาชีพหมอ หรือ พยาบาล ที่ต้องให้ ความใส่ใจในการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้า
แม่ต้อย ได้ให้ข้อสังเกตว่า คุณแอนนั้นพูดอยู่เสมอๆ ว่า อยากทาความดีเพ่ือให้ความดีน้ันสร้างคุณค่ากับเราเอง และจึงมีคาถามว่าคุณค่า ที่ต้องการนั้น คืออะไร
คุณแอนจึง กล่าวว่า อริยทรัพย์ภายนอก นั้นหามาได้ง่ายกว่ามากด้วยการทางาน แต่หากเป็น อริยทรัพย์ภายใน ทาได้ยากกว่า เนื่องจาก ตอ้ งทา ดว้ ยตวั เอง อยา่ งสมา่ เสมอ ไมม่ ใี ครทจี่ ะหาใหเ้ ราได้ นอกจากตวั เราเอง โดยการทา ในสงิ่ ทดี่ ี ทเี่ ปน็ ประโยชน์ ไมเ่ พยี งแตม่ งุ่ ประโยชนข์ องตนเอง เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ควรทาประโยชน์ให้กับผู้อ่ืนด้วยที่เป็นรูปธรรม เช่น การทาบุญ ปฏิบัติกรรมฐาน หรือการสวดมนต์ ซ่ึงเป็นวัฒนธรรมของ ชาวพุทธที่ทุกคนจะสามารถกาหนดรูปแบบให้เหมาะกับแต่ละคน แต่ทั้งนี้ควรจะมีการต้ังเจตนาให้ชัดเจน ว่าการทาบุญน้ันเพ่ือเป็นการบารุง พุทธศาสนา หรือการบริจาคทรัพย์ตามกาลัง ถ้าหากมีผู้ที่มาบอกบุญก็ควรที่จะทาบุญในทันที ด้วยความศรัทธาในขณะนั้นจะยังมีอยู่สูง แต่ถ้าหาก ปล่อยเวลาผ่านไปอาจจะทาให้ศรัทธาลดลงได้ หรือ การเป็นจิตอาสา เพราะไม่ต้องใช้เงิน เพียงแต่ใช้ส่ิงท่ีเรามีอยู่ในตัวเรา ได้ทาความดีเพื่อคนอื่น เพ่ือว่าอย่างน้อยก่อนท่ีจะตาย ก็จะทาให้นึกถึงคุณความดีที่ได้เคยทา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น สังคมและประเทศชาติ เพราะในอาชีพการเป็น นักแสดงอาจจะทาให้หลงระเริงไปกับสิ่งต่างๆ ได้ง่าย จึงต้องรู้จักทาตนให้เป็นคนที่นอบน้อม ถ่อมตน และการทาจิตใจให้มีความสุข ไม่โกรธง่าย จะทาให้เพื่อนหรือบุคคลท่ีอยู่รอบตัวจานวนมาก ซึ่งไม่ต่างกับอาชีพพยาบาล ท่ีต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากเช่นกัน เพราะคนไข้อาจจะร้องกวน อยู่ตลอดเวลา เพราะอาจจะมีบางเวลาที่อาจจะไม่พร้อมท่ีจะให้การบริการ
ในสว่นของการสร้างวดัสเิรยีมพทุธารามซงึ่เดมิเปน็เพยีงสานกัสงฆ์เดมิชอื่วา่วดับา้นสงักนัตงั้อยทู่อ่ีาเภอสงักนัจงัหวดัศรสีะเกษเรมิ่จาก ได้รับเชิญไปบรรยายธรรม ให้เป็นเร่ืองท่ีเข้าใจง่าย ด้วยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และบริจาคทรัพย์ ทอดกฐินผ้าป่าทุกปี จนกระทั้งพัฒนาเป็นวัด
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
คุณหมอ ได้กล่าวว่า หากให้มองย้อนกลับไปในวัยเด็กน้ัน แม้จะเป็นชีวิตที่เคยผ่านความยากลาบากมาก่อนนั้น เม่ือเราได้เจอเร่ืองท่ีหนักๆ ในชีวิต และชีวิตท่ีดาด่ิงลงในช่วงน้ัน แต่กลับมีโอกาสที่จะพลิกฟ้ืนมาได้ เรียกได้ว่าชีวิตในขณะนั้นเป็น ภูมิคุ้มกัน ให้กับเรา
ช่วงที่พ่ออุบัติเหตุขาขาด ซึ่งแม่ก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ คุณหมอได้ตระเวน พาแม่ไปรักษาหาหมอที่ดังที่สุดในโคราชหมดแล้ว เดินหาหมอทุกที่ ที่บอกว่าดี จนแม่จะเป็นลม ร้านอาหารแถวนั้นก็ไม่มี ได้ไปเจออยู่ท่ีหนึ่ง ก็เข้าไปยกมือไหว้ขอข้าวกิน เพราะไม่มีเงิน และได้มารู้ภายหลังว่าเป็น ภัตตาคาร ซึ่งก็ได้ข้าวมาทานเพราะด้วยความสงสาร
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) 69