Page 70 - คุณค่า คุณภาพ คุณธรรม ถอดบทเรียนงานประชุมวิชาการ
P. 70
A4-201
19th HA National Forum
การเล่าถึงชีวิตที่ลาบากในขณะน้ัน เพราะอาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นได้บ้าง ในวันท่ีแม่เสียชีวิต ยังจาได้ว่าเฝ้าแม่ท่ีนอนป่วย อยู่คนเดียว เพราะพ่อก็ต้องไปทางาน พี่ชายก็เรียนที่กรุงเทพฯ น้องชายก็ยังเด็กก็ให้เฝ้าบ้าน คุณหมอได้อยู่เฝ้าจนท่านเสียชีวิตในเวลาตีสอง ในตอนนั้น ไม่ได้ร้องไห้ ทาให้เห็นว่าการตายน้ันเกิดได้เพียงเสี้ยววินาที เพราะในช่วงค่ายังได้คุยกับแม่อยู่เลย พอเมื่อเวลาจะเสียชีวิตก็จากไปเฉยๆ แล้วก็ได้แต่ นั่งอยู่อย่างน้ันจนเกือบเช้า
ในช่วงเวลานั้น ไม่ได้รู้สึกว่าต้องการมาเป็นจิตแพทย์ แต่ชีวิตที่ผ่านมาได้พบเจอมาหมดแล้วทั้งการสูญเสีย เม่ือสอบได้มาเป็นหมอ จึงทาให้ รับรู้ว่า เข้าใจอารมณ์ของคนอย่างไรในแต่ละช่วง ความรู้สึกในตอนหนึ่งว่า ขอแค่เพียงมีใครสักคนมาทักหรือมาถามว่า รู้สึกอย่างไร หรือเพียงแค่ มาแตะไหล่ก็ยังดี
การสูญเสียครั้งที่สอง เพราะสูญเสียพ่อไปอีกคน ขณะนั้นเป็นจิตแพทย์ปี 2 กาลังออกตรวจคนไข้ พอรู้ข่าวว่าพ่อเสีย เป็นความรู้สึกอัดอั้น อยากจะร้องไห้โฮ ออกมาดังๆ แต่ก็ โฮไม่ออก เพราะอยู่ต่อหน้าคนไข้ ความรู้สึกแบบน้ี เมื่อได้มองย้อนกลับไปน้ัน การท่ีได้เป็นจิตแพทย์ย่ิงทาให้ เกิดความเข้าใจ
เม่ือจบแพทย์แล้ว ก็ได้มาเป็นจิตแพทย์ ด้วยการจับสลากในรอบที่ 4 จนเหลือโรงพยาบาลให้เลือกเพียง 3 แห่ง 1 คือ โรงพยาบาลโรคเรื้อน ทพี่ ระประแดง 2 โรงพยาบาลจติ เวช ทโี่ คราช 3 โรงพยาบาลประสาท ทสี่ งขลา ในใจกค็ ดิ วา่ อยากจะไปเปน็ แพทยท์ ไ่ี กลๆ เมอื่ จบั ฉลากไดท้ ี่ โรงพยาบาล ประสาท สงขลา ก็ดีใจ แต่ ก็มีเพื่อนผู้หญิงมายืนร้องไห้ ขอแลกเพราะต้องการไปอยู่กับเพ่ือนที่สงขลา สุดท้ายจึงมาอยู่ โรงพยาบาลจิตเวช ที่โคราช
เริ่มแรกใช้ทุนเม่ือปี 2532 โรงพยาบาลจิตเวช มีหมอท้ังโรงพยาบาลแค่ 4 คน แต่เม่ือออกตรวจในตอนเช้า มีคนไข้จิตเวชรอตรวจ ประมาณ 250 คน ต่อวัน มีหมอออกตรวจเพียง 2 คน ทาให้ต้องรีบตรวจรีบจ่ายยา ซึ่งก็มียาให้เลือกไม่มากนัก เป็นการตรวจรักษาเพ่ือให้รอดไปวันๆ ทาให้ รู้สึก ทุกข์ มาก ไม่อยากจะอยู่ แต่พออยู่ใช้ทุนได้สักระยะหนึ่งก็ สอบถามกับผู้อานวยการสถานบันสุขภาพจิตในขณะนั้นว่า จะไปเรียนต่ออะไร ได้บ้าง ซึ่งก็มีให้เลือกเพียง สาขาจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น,สาขาประสาทวิทยา ก็มีผู้ที่ได้ทุนครบแล้ว แต่ก็ได้มาเลือกเรียนด้านจิตแพทย์ จึงทาให้ ได้รู้ว่าการไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชที่ โคราช 2 ปี กับการเรียนแพทย์มา 6 ปี ที่ทาให้รู้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้านั้น แท้จริงแล้วกลับไม่รู้อะไรเก่ียวกับ คนไขเ้ ลย ไมร่ อู้ ะไรเกยี่ วกบั จติ ใจเลย เพราะถา้ รวู้ า่ คนไขม้ อี าการหแู วว่ กจ็ ะดใี จ แลว้ กแ็ คส่ ง่ั ยา Chlorpromazine ให้ แตก่ ลบั ไมร่ วู้ า่ จะลว้ งลกึ ไดอ้ ยา่ งไร ถ้าคนไข้บอกว่าเครียดอยู่คาเดียว เราจะไปไม่เป็นแหละ ซ่ึงยังมีอะไรที่มากมายยิ่งกว่าน้ันที่อยากจะค้นหา จึงได้ตัดสินใจเลือกมาเรียนด้านน้ี ด้วยคง เปน็ เพราะบญุ พาวาสนา การไดม้ าเรยี นจติ แพทย์ จงึ ทา ใหร้ ทู้ ง้ั ดา้ นจติ ใจและรา่ งกาย ทมี่ อี ะไรเชอ่ื มประสานกนั ทย่ี งั ไมร่ ู้ อกี มากมาย เมอื่ จบมากโ็ ชคดี ท่ีมีตาแหน่งที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาว่าง ผลการเรียนดี ท่านผู้อานวยการจึงชักชวนให้อยู่เป็นอาจารย์ ได้มีโอกาสเรียนต่อที่ต่างประเทศ ทาให้ ได้ศึกษาด้านประสาทจิตเวช หรือ Neuropsychiatry คือ การศึกษาความเชื่อมโยงของสมองกับจิตใจของคน ในต่างประเทศให้ความสนใจศึกษา ในด้านน้ีอย่างลงลึกมาก โดยเฉพาะสมองส่วนหน้าใช้เวลาเรียน 1 ปี ได้ศึกษาเรื่อง Executive function และในขณะนี้นามาศึกษาในเรื่องพัฒนาการ ของเด็ก เพราะมนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์ จึงทาให้เราคิดเป็น เกิดเป็นการสั่งสมประสบการณ์ในด้านต่างๆ รวมถึงการจัดการกับอารมณ์ของเราได้ เป็นเรื่องท่ีโชคดีมากที่ได้มีโอกาสได้เรียนทั้งเร่ืองกายและใจ ได้นามาผสมผสานกัน ไม่เพียงแต่จะทาประโยชน์ให้กับประชาชนเท่านั้น แม้ตัวเราเอง ก็ได้ประโยชน์ด้วย เพราะทาให้เห็นวิถีทางในการจัดการกับปัญหาสิ่งต่างๆ ที่อาจจะรู้สึกไม่ไหวแล้ว แต่ความรู้ในเรื่องน้ีจะทาให้เห็นแนวทางในการ จัดการกับปัญหาเหล่านั้นๆ ได้
เมื่อเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศ ช่วงปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยากุ้งพอดี ทาให้จิตแพทย์ต้องมาเปิดสายด่วนสุขภาพจิต เพราะมีข่าวนักลงทุนฆ่าตัวตาย มีอยู่คืนหนึ่ง มีคนไข้โทรศัพท์มา ตอนตี 3 บอกว่า “กาลังถือปืนจ่ออยู่ที่ศีรษะ จะตายดีไหม” ซึ่งต้องกล่อมให้คนไข้ ลดความเครียดในช่วงเวลาจากัด จึงทาให้รู้ว่า ส่ิงดีที่สุด ของการรักษาน้ัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยา แต่แท้จริงแล้ว คือ ด้วยใจของเรา ด้วยปาก และวิธี การของเรา
แม้ในช่วงแรกจะไม่ชอบที่จะมาเป็นจิตแพทย์และงานก็หนัก แต่เพราะชีวิตเคยผ่านหลายสิ่งหลายอย่างที่ยากลาบาก ผ่านการสูญเสีย มาแล้ว ทาให้ทาใจยอมรับ อดทนสู้เพื่อให้มีชีวิตรอด แม้ว่าบางครั้งจะอายท่ีจะบอกกับใครๆ ว่าเป็นหมอโรคจิต เพราะสังคมในขณะนั้นยังไม่ยอมรับ ไม่เฉพาะแต่เพียงคนไข้เท่าน้ันที่ต้องปกปิด เป็นหมอก็ยังต้องปกปิดเช่นกัน แต่เมื่อได้มาเป็น จิตแพทย์แล้วกลับทาให้รู้ว่า เป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้ คนไข้ดีขึ้น หรือรอดพ้นจากสิ่งต่างๆ ได้ เป็นเพราะ กายกับใจ เป็นสิ่งท่ีเช่ือมโยงกัน
ชีวิตที่เคยผ่านความลําาบากยากจน ร่วมถึงการได้ ศึกษาศาสตร์ด้านจิตเวช กลับกลาย เป็น สินทรัพย์ภายใน ท่ีส่งผลให้การดารงชีวิต ครอบครัว หน้าที่การงานในปัจจุบันประสบความสาเร็จ
ทั้งคุณสิเรียม และ นพ.ทวีศิลป์ ได้ร่วมกันแลกเปล่ียนประสบการณ์ บทเวทีเสวนาอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง คุณแอนซึ่งเธอบอกว่า เป็นคนตลก ก็ปล่อยมุกหยอกล้อ กับ นพ.ทวีศิลป์ และ ทพ.วีระ ทาให้ผู้ที่ได้รับฟังเรื่องราวจากท้ังสองท่าน ได้สาระที่มีประโยชน์ มีส่วนร่วม มีเสียง หัวเราะจากผู้ฟังเป็นระยะๆ เป็นบรรยากาศท่ีครื้นเครง ภายในห้องประชุมซึ่งคับค่ัง ด้วย FC (Fan Club) ของทั้งสองท่าน
70 สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)