Page 271 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 271

คืนตอนเช้า ๆ ตีสี่ พวกนักโทษชายหญิงเขาก็ลุกขึ้นมาเดินจงกรมเดินกลับไปกลับมา ผู้คุมนึกว่าเขา

                                                                                ี
                                                                              ิ
               จะแหกคุกแหกเรือนจ า ที่ไหนได้เขาเดินกลับไปกลับมา เดินท าสมาธเรยกว่า “เดินจงกรม” นี่คือผล
               พวงที่คณะลูกศิษย์ของหลวงพ่อได้ไปสอนให้แก่ผู้ที่อยู่ในเรือนจ า แล้วก็ยังมี “จุลสาสมาธิ” ที่สอน


               ให้แก่สถานพินิจ  ผู้ที่เป็นเยาวชนที่ทาผิดในคดีต่าง  ๆ  ก็ไปสอนให้  ส่วนในสถาบันอุดมศึกษา
                                                                                                      ่
               มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็มีการสอน “สมาธิเพื่อพัฒนาชีวิต” อันนี้เรียกว่า “สุทนตสาสมาธิ” ทานก็
                                                                                       ั
                                                               ี
               ขยายไปที่ประเทศแคนาดา อเมริกา และออสเตรเลย นั่นก็คือ ทานมองการณ์ไกลว่า โลกจะสงบได้
                                                                          ่
               ต้องอาศัยการท าสมาธิเพราะสมาธินี้  เราต้องเดิน  เราต้องนั่ง  เราต้องยืน  เราต้องนอน  ด้วยมีสติ

                                              ุ
               ระลึกรู้ด้วยลมหายใจเข้าหรือว่าพทโธ พุทโธ พุทโธ
                     การทเราระลึกรู้อย่างนี้ นั่นหมายความว่า เราก าลังผลิตพลังจิตหรือสร้างพลังจิตหรือก าลังใจ
                          ี่
               ถ้าตราบใดเรายังรู้ว่าเราก็ว่าพุทโธ พุทโธ พุทโธ อย่างนี้ นั่นคือการผลิตพลังจิต พลังจิตที่ได้ก็เหมือน

               เม็ดทรายเม็ดเดียว ได้ทีละเม็ด ทีละเม็ด ทีละเม็ด มันต้องสะสมจ านวน มาก มาก มาก จนกว่า

                                                                                                       ้
               พอเพียง  เมื่อพอเพียงเมื่อไหร่  เมื่อนั้นถึงจะเอาไปผสมปูน  ผสมหิน  ไปก่อสร้าง  สรางเสา  สราง
                                                                                              ้
               อาคาร  สร้างสารพัดประโยชน์ก็ได้  นั่นหมายความว่า  มันพอเพียงแล้ว  ทีนี้เมอเราท าสมาธิอย่าง
                                                                                        ื่
               สม่ าเสมอนี่ มันก็เป็นเหตุให้เราเกิดพลังจิต เมื่อมีพลังจิตมากเข้า ๆ มันจะแปรเป็นฌาน จากฌานก็

               ไปเป็นญาณ จากญาณก็ไปวิปัสสนาญาณ อันนี้จะเกิดความรู้ความเข้าใจอยางแจ่มแจ้ง แต่ถ้าหาก
                                                                                     ่
               ว่าพลังจิตของเราไม่เพียงพอ มีก็เกิดฌานไม่ได้ เกิดญาณไม่ได้ เกิดวิปัสสนาญาณไม่ได้ เพราะฉะนั้น

               ต้องสะสมพลังจิตต่อไป

                                                                                 ้
                     วันนี้จะพูดถึงเรื่อง  “ติโรกุฑฑสูตร”  เป็นเรื่องราวของพระพุทธเจาได้ตรัสให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไป
               แล้วว่า  ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะได้รับส่วนบุญอย่างไร  ก็ต้องอาศัยผู้ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้  คือญาติพี่น้อง

               อาจจะมีสามี อาจจะเป็นภรรยา อาจเป็นลูก บิดา อันนี้ก็แล้วแต่ผู้ที่ล่วงลับไปนั้นเราเป็นญาติกับเขา

               เราก็ระลึกถึงว่าเขาเคยอยร่วมกันกับเรา ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกับเราหรือวาเคยรู้จักกัน เราก็รู้วาเขา
                                       ู่
                                                                                                     ่
                                                                                  ่
               ล่วงลับไปแล้ว ก็ท าบุญอุทิศไปให้ การสวดมนต์ก็เป็นวิธีหนึ่ง การถวายอาหารบิณฑบาตพระก็เป็น
               วิธีหนึ่ง การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ ก็เป็นวิธีหนึ่งทจะส่งกระแสจิต คือพลังแห่งเมตตาไปถึงเขาได้
                                                               ี่
               และเขารับรู้ได้อย่างไร นี่แหละส าคัญ พระพุทธเจ้าตรัสว่ากระแสจิตของคนเรานี้ ยิ่งเราพัฒนาให้ใส

               ให้สะอาด  ให้บริสุทธิ์มากเท่าไหร่  มันยิ่งมีพลังงานสูง  เพราะว่ามันปราศจากสิ่งที่จะมารบกวนให้

               คลื่นของเรานี่มันไม่ผ่องใส เหมือนคลื่นไวไฟ หรือคลื่นอินเทอร์เน็ต ถ้าไม่มีลม ไม่มีฝน ไม่มีอุปสรรค

               มันจะส่งสัญญาณไปดีมาก เช่นเดียวกับจิตของเรานี่ ถ้าหากได้ท าสมาธิ ได้สวดมนต์บ่อย ๆ คลื่นจิต






                                                          ๒๗๑
   266   267   268   269   270   271   272   273   274   275   276