Page 96 - ธรรมะบรรยาย1525
P. 96

มัย” บุญเกิดขึ้นเพราะการมีจิตเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่กัน ปรารถนาดีต่อกัน อยากจะให้คนอื่นมีความสุข

               ท าอย่างไรก็ได้ให้เขามีความสุข แต่ว่ามันต้องถูกต้องตามท านองคลองธรรม ท าในสิ่งที่ไม่ดีให้คนอื่น

               มีความสุข มันก็ผิด เพราะฉะนั้น เราก็ต้องท าให้มันถูกต้องดีกว่า

                                                                    ี่
                     “สีลมัย” บุญเกิดขึ้นเพราะการรักษาศีล อย่างศีลทควรท าในขณะนี้ก็คือทุก ๑ ทุ่ม เรามีนัด
               หมายกันมาสวดรัตนปริตรออนไลน์ที่วัดเทพเจติยาจารย์  อันนี้คือศีลเหมือนกัน  คือท าให้เป็นปกติ



               อะไรท าดีแล้วก็ท าต่อไปทาให้เป็นปกติ  ท าให้เป็นนิสัย  ถ้าทาได้อย่างนี้ก็เป็นศีลแล้ว  คือการท าให้
               เป็นปกติ ทาดีก็ท าต่อไปต้องท าให้เป็นปกติ อย่างเรานั่งสมาธิเวลาเท่านี้ก็พยายามทาให้มันได้เวลา


                                                                                       ิ
               เท่านี้ ๖ โมงเราจะนั่งสมาธิหรือว่าสองทุ่ม เราจะนั่งสมาธิ ๓ ทุ่มเราจะนั่งสมาธ เราก็ท าเป็นนิสัย ให้
               เป็นอุปนิสัยและกลายเป็นนิสัยให้มันอยู่ในจิต แล้วก็นอนเนื่องอยู่ในจิต คนเราถ้าท าได้อย่างนี้ นั่น

               คือศีล



                     ศีลคือการทาอย่างไรจะให้เป็นปกติในชีวิตประจ าวัน  ถ้าหากว่าทาได้อย่างสวดมนต์อย่างนี้
               นั่งสมาธิเดินจงกรมเรา คิดว่าเวลาไหนที่เราพอเหมาะพอดีแล้วก็ท า มันก็จะเป็นนิสัยของเราเอง

                                                                                     ิ
                                             ี่
                     ขออนุโมทนากับทุกท่านทเข้าร่วมสวดรัตนปริตร วันนี้โรงเรียนพระปรยัติธรรมวัดธรรมมงคล
               ก็เข้าร่วมสวดด้วย สวดที่อุโบสถวัดธรรมมงคล มีท่านกานต์ชนะ (พระครูสังฆกิจบรรหาร) เป็นผู้น า

               ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย แล้วก็ที่ประเทศอินโดนีเซียก็มีคนเข้ามา ๒-๓ คน ทั้ง ๆ ทเขาฟังไม่รู้เรื่อง
                                                                                            ี่
               แต่ไม่ใช่จุดประสงค์อันนั้น เขาฟังเพื่อให้เกิดความสงบจิต

                     เหมือนกับในเรื่องของค้างคาวที่ไปอยู่ในถ้ า ค้างคาวตั้ง ๕๐๐ ตัว อยู่ในถ้ าสมัยพระพุทธเจ้า

                            ่
               ทรงพระนามวา  “กัสสปะ”  ก็มีพระสงฆ์ไปสาธยายเรื่องพระอภิธรรม  ๗  คัมภีร์นี้แหละ  ทบทวน
               สาธยายกันไปสาธยายกันมา ไอ้ค้างคาวมันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก มันก็ตั้งใจฟัง เอะ พระสาธยายอะไร
                                                                                       ๊
               กันหนอ มันก าหนดจิตฟังดู ฟังไปฟังมา มันเข้าสมาธิ เข้าฌานสมาธิ เหมือนกับหลับเลย มันก็หลับ

               ตกลงมาตุ้บตั้บ ๆ ตายตั้ง ๕๐๐ ตัว แต่มันฟังไม่รู้เรื่อง แต่มันมีจิตกุศล อยากจะฟัง อยากจะรู้ว่า

               อยากจะตั้งใจฟังว่าพระสวดอะไรแค่นี้  จิตที่คิดว่าพระสวดอะไร  ทั้งที่ฟังไม่รู้เรื่องและเป็นสัตว์

               เดรัจฉานด้วย ในที่สุดก็ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์

                     อันนี้คือบทสวดมนต์ที่เราสวดนี้ ถึงจะฟังรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง แต่ขอให้มีจิตจดจ่อ มีความตั้งใจ

                                                                                               ้
               แล้วก็คนที่สวดไม่ได้ก็นั่งสมาธิฟังเอา เป็นการสาธยายพระธรรมค าสอนของพระพุทธเจา แล้วก็ฟัง
               ให้มันเข้าทางหูของเรา  มันจะเข้าไปสู่ใจของเราเอง  ก็เหมือนกับการทเรารับประทานอาหาร  ใคร
                                                                                ี่
               เล่าจะไปรู้ว่า  อาหารประเภทนี้มีคาร์โบไฮเดรตเทานี้  อาหารประเภทนี้มีน้ าตาลเทานี้  อาหาร
                                                              ่
                                                                                              ่
                                           ่
                                                       ้
               ประเภทนี้มีคลอเรสเตอรอลเทานี้ มีใครรู้บาง แต่ก็ทานทุกวัน ๆ รู้ว่าเป็นอาหารก็ทาน แต่ก็ไม่รู้ว่า

                                                           ๙๖
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101