Page 196 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 196

เตรียมตัวแล้วกระแสจิตนี่มันก็พุ่งตรงไปที่ญาติพี่น้องของเรา อย่างเช่นในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรง

               พระชนม์อยู่  พระองค์นี้ได้เสด็จมาที่เมืองอาราวี  แล้วก็ได้มาแสดงธรรมว่า  ชีวิตคนทั้งหลายอย่า

               ประมาทในชีวิต ให้นึกถึงความตายไว้บ้าง ถ้าเราไม่นึกถึงความตาย เมื่อความตายใกล้เข้ามา ใกล้

               เข้ามา ก็จะสะดุ้งหวาดกลัว คือตกใจ โอ้ เราจะตายแล้วหรือนี่ หวาดกลัว เหมือนกับคนที่ไม่เคยเจอ

               อสรพิษ พอเจอเท่านั้นแหละก็ตกใจ ร้องกรี๊ดเสียงหลงไปเลย นั่นก็คือไม่เคยเจอ แต่คนที่เจออยู่เป็น

               ประจำ พวกอสรพิษทั้งหลาย เล่นกับมัน จับมันก็ได้ อสรพิษ แต่เขาระมัดระวังว่านั่นคือพิษคือสิ่งที่

                                                                                       ่
               มีพิษแต่เขาก็ระวังตัว เมื่อระวังตัวก็ไม่เกิดอันตราย อยู่กับมันได้อย่างสบาย เชนเดียวกันกับบุคคลผู้
               นึกถึงความตาย เมื่อเขานึกอยู่บ่อย ๆ เขาก็จะได้ไม่ประมาทในชีวิต เมื่อไม่ประมาทเขาก็ขวนขวาย

               สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ทำบุญให้ทาน เพื่อเป็นเสบียงบุญข้ามภพข้ามชาติ เมื่อถึงเวลาตาย

               เขาก็ไม่เสียดายชีวิตของเขา เพราะว่ายังไงมันก็ต้องตาย แต่เขาก็เตรียมตัวไว้แล้ว อย่างนี้เรียกว่าไม่

               ประมาทในชีวิต

                                                                                                    ิ
                     เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไปอย่างนี้ ก็ปรากฏว่ามีลูกสาวช่างหูกคนหนึ่งหรือว่าธดาช่าง
               ทอผ้านี่แหละ เกิดความสนใจ ช่างเป็นพระธรรมเทศนาที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ก็เลยเข้ามากราบทูล

               ถามพระพุทธเจ้าว่า  “หม่อมฉันอายุ  ๑๖  ปี  จำเป็นต้องนึกถึงความตายด้วยหรือ”  พระพุทธเจ้าก็

               ย้อนถามนางว่า “หนูเคยได้ยินไหมว่า คน ๑ ขวบตายก็มี ๒ ขวบตายก็มี ๕ ขวบตายก็มี ๑๐ ขวบ

               ๒๐ ปี ๕๐ ปี ๖๐ ปี คือแต่ละชีวิตนั่นเอาแน่นอนไม่ได้ เธอได้ยินใช่ไหม ๑ ขวบ ๒ ขวบ ๓ ขวบตาย

                             ่
               ก็มี” เธอบอกวาได้ยิน นั่นแหละ เธอ ๑๖ ปี ทำไมจะนึกถึงความตายไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเธอ
               นึกไว้นั่นแหละก็จะทำให้เธอไม่ประมาท  เธอจะได้เร่งทำความดี  สวดมนต์  เดินจงกรม  นั่งสมาธิ

               ทำบุญให้ทาน  นางได้รับคำแนะนำจากพระพุทธเจ้าอย่างนี้ก็ดีใจ  ตั้งแต่บัดนั้นมานางก็ไปทำงานก็

               ระลึกถึงความตาย  ว่าชีวิตนี้ไม่แน่นอนเราควรจะเร่งทำความดีให้มาก  นางก็ทำอยู่อย่างนี้เป็นเวลา

               ๓  ปี  กระแสจิตแก่กล้า  เมื่อกระแสจิตแก่กล้าก็ส่งกระแสจิตไปที่พระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าก็ทรง

               รับทราบ พอรับทราบแล้วก็รับรู้ว่า ใครส่งกระแสจิตมา อ้อ นางธิดาช่างหูก หรือว่าลูกสาวช่างทอผ้า

               ที่เราไปแสดงธรรมให้ฟังเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว

                     นางเป็นยังไง ทำไมส่งกระแสจิตมา อ้อ นางจะต้องตายวันนี้ ถ้าเราไม่ไป การตายของนางก็ไม่

                                                                      ่
               แน่นอน อาจจะเกิดเป็นเทวดา อาจจะเกิดเป็นมนุษย์ หรือวาเกิดเป็นพระอินทร์ พระพรหม ก็ว่าไป
               หาความแน่นอนในชีวิตไม่ได้ ถ้าเราไปแสดงธรรม นางก็จะได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน การตายของ

               นางนั้นก็จะมุ่งตรงต่อพระนิพพาน  เป็นการตายที่เที่ยงตรงต่อพระนิพพาน  เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว

               พระองค์ก็ออกจากสมาธิ  จึงได้เสด็จมาที่เมืองอาราวีอีกครั้งหนึ่ง  พอมาถึงประชาชนทั้งหลายก็ได้



                                                          ๑๙๖
   191   192   193   194   195   196   197   198   199   200   201