Page 287 - โครงการ1-10-ปอมกคนอตโนมต_Neat
P. 287
275
2. การตั้งทีมงานเพื่อแก้ไขปัญหา
3. การโอนย้ายงาน การท างานแบบข้ามสายงาน
4. การเปิดรับข้อเสนอแนะ การส ารวจความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง
5. การออกเสียงข้างมาก
6. ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถใช้ความขัดแย้งเป็นเครื่องมือ "สร้างโอกาส"
ในการพัฒนาและปรับปรุงองค์การได ้
7. ใช้ทักษะที่ส าคัญอย่างหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง คือ ทักษะในการฟัง
8. เปิดใจยอมรับฟังปัญหาด้วย "ความเข้าใจ" ช่วยกันโจมตีปัญหามากกว่าโจมตีบุคคล
9. มองหาค าตอบที่ทุกคนได้ในสิ่งที่ต้องการ (Think Win-Vin)
10.8 การบริหารความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
โจนส์ (Jones) ได้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความขัดแย้งกับประสิทธิผล (Effectiveness)
ขององค์การ เป็นกราฟรูประฆังคว่ า ซึ่งสรุปสั้น ๆ ได้ว่า เริ่มต้นเมื่อความขัดแย้งค่อย ๆ สูงขึ้น
ประสิทธิผลขององค์การก็จะค่อย ๆ สูงขึ้น เพราะคนจะแข่งขันกันท างาน ผลงานก็จะออกมาดี แต่พอ
ถึงจุดสูงสุดที่ความขัดแย้งนั้นมากเกินที่สมาชิกในองค์การจะรับได้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะเกิดตรงกันข้าม
ทันที นั่นคือ ยิ่งความขัดแย้งเพิ่มสูงขึ้นเท่าไร ประสิทธิผลขององค์การก็จะยิ่งลดลง ๆ และลดลงอย่าง
รวดเร็ว
จากหลักการของนักวิชาการได้ให้แนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไว้ 5 แนวทางดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1 การหลีกเลี่ยง (Avoidance) ใช้เมื่อความขัดแย้งไม่มาก เส็กน้อย ๆ ปัญหาไม่ส าคัญ ซึ่ง
ท าได้โดยยอม ๆ กันไปเรื่องจะได้จบ ข้อดีคือ ฝึกฝนให้ใจกว้าง
วิธีที่ 2 การประนีประนอม (Compromise) ใช้เมื่อเกิดการเผชิญหน้ากัน ซึ่งท าได้โดย เริ่มนับ
หนึ่งให้ถึงร้อย รอให้สถานการณ์เย็นก่อน แล้วค่อยมาเจรจา ด้วยเหตุและผล ข้อมูลจริง ไม่ใช้อารมณ์
ความรู้สึกข้อดีคือ ได้ฝึกฝนให้ใจกว้างและใจเย็น