Page 150 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 150
๑๓๗
ค านึงถึงมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ระบบธุรกิจที่เป็นธรรม” ผู้บริโภคจึงอาจใช้มาตรา ๑๒ เป็นข้อ
ต่อสู้และน าสืบให้ศาลเห็นได้ว่า ผู้ประกอบธุรกิจประกอบธุรกิจโดยไม่ค านึงถึงมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสม
ภายใต้ระบบระบบธุรกิจที่เป็นธรรม
อย่างไรก็ดี มาตรา ๑๒ ไม่ได้กล่าวถึงผลของการที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
่
ดังกล่าวว่าจะเกิดผลอย่างไร แต่หากเทียบกับหลักตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา ๕ ที่บัญญัติ
้
ว่า ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการช าระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระท าโดยสุจริต ถ้าไม่สุจริต ก็ไม่มีอ านาจฟอง
แล้ว จะเห็นได้ว่า มาตรา ๑๒ มีหลักการที่เข้มงวดกว่ามาตรา ๕ กล่าวคือ ผู้ประกอบธุรกิจนอกจากจะกระท า
ิ
การโดยสุจริตแล้ว ยังต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางการค้าของตนเองด้วยและต้องเป็นธรรมด้วย ผลที่จะเกดจึง
น่าจะไม่มีอ านาจฟ้องเช่นกัน
ื่
นอกจากนี้ศาลฎีกายังน ามาตรา ๑๒ มาใช้เพอจ ากัดสิทธิของผู้ประกอบธุรกิจ นอกเหนือจากไม่มี
อานาจฟองแล้ว ศาลอาจจะตัดสิทธิโจทก์ไม่ให้ได้รับช าระดอกเบี้ยผิดนัดก็ได้ หากเห็นว่า การที่โจทก์ปล่อย
้
้
ระยะเวลาให้ยาวนานกว่าจะฟองคดีแม้จะอยู่ภายในอายุความ แต่การที่โจทก์ไม่เร่งรัดหนี้สินจากจ าเลย ท าให้
จ าเลยต้องเสียหาย เสียดอกเบี้ยจ านวนมาก ทั้งที่โจทก์สามารถเรียกให้ช าระหนี้โดยเร็วได้ ศาลฎีกาก็จะไม่
ก าหนดดอกเบี้ยให้ได้ทั้งดอกเบี้ยปกตและดอกเบี้ยผิดนัด
ิ
ค าพิพากษาฎีกาที่ ๔๕๘๐/๒๕๖๒ ธนาคารโจทก์ปล่อยระยะเวลานานถึง ๑๘ ปีหลังจากผู้กู้ถึงแก่ความ
้
ิ่
ตาย เพงมาฟองจ าเลยผู้ค้ าประกันให้รับผิด โดยดอกเบี้ยสะสมมีจ านวนมากกว่าต้นเงินถึง ๓ เท่า จ าเลยไม่ได้
ต่อสู้เรื่องฟองโจทก์ขาดอายุความ ท าให้ศาลไม่อาจหยิบยกเรื่องอายุความขึ้นมาตัดฟองโจทก์ได้ ศาลฎีกาจึงน า
้
้
หลักการตามมาตรา ๑๒ มาใช้โดยมองว่า โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศ มีระบบจัดการที่มี
ประสิทธิภาพและมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพในการติดตามการช าระหนี้ของลูกหนี้ แต่กลับปล่อยเวลาผ่านไป
เกือบ ๑๘ ปี เพงมาฟองจ าเลย ท าให้ดอกเบี้ยท่วมหนี้ต้นเงินกว่า ๓ เท่า และโจทก์ไม่น าสืบให้เห็นว่าเหตุใดจึง
ิ่
้
ั
ั
ฟ้องจ าเลยล่าช้า ศาลจึงใช้อ านาจมาตรา ๑๒ ไม่ก าหนดดอกเบี้ยทั้งอตราปกติและอตราผิดนัดให้ แม้โจทก์จะมี
สิทธิได้รับก็ตาม พิพากษาให้ช าระแต่ต้นเงิน
ในการก าหนดดอกเบี้ยผิดนัดนั้น ต้องก าหนดดอกเบี้ยผิดนัดให้มากกว่าดอกเบี้ยปกติ หากต่ ากว่า
๑๒
ื่
ดอกเบี้ยปกติ จะถือว่าเป็นการงดเบี้ยปรับ ปัญหาจึงมีว่า ศาลสามารถน ามาตรา ๑๒ มาใช้เพอปรับลด
ดอกเบี้ยผิดนัดให้ต่ ากว่าดอกเบี้ยปกติได้หรือไม่ ผู้เขียนเห็นว่า โดยหลักการแล้วน่าจะน ามาใช้ได้ แต่ต้องเป็น
กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติต่ ากว่ามาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ระบบธุรกิจที่เป็นธรรมด้วย
ถ้าผู้ประกอบธุรกิจเรียกดอกเบี้ยผิดนัดตามที่ทางการประกาศก าหนดแล้วไม่น่าจะถือได้ว่าปฏิบัติต่ ากว่า
มาตรฐานซึ่งศาลฎีกาวางหลักไว้ในค าพพากษาศาลฎีกาหลายเรื่องว่า การที่ธนาคารเรียกดอกเบี้ยผิดนัดตาม
ิ
ั
หลักเกณฑ์ที่ก าหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยและประกาศธนาคารโจทก์แล้ว ยังฟงไม่ได้ว่าเป็น
๑๒ ค าพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๑๕๑/๒๕๕๑