Page 73 - รวมกฎหมายยาเสพติด 2563
P. 73

พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙


                          (๑)  ชุดน้ำยาตรวจหรือทดสอบของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานอื่น
                     ของรัฐ โดยให้ถือปฏิบัติตามคู่มือวิธีการตรวจสอบของชุดน้ำยาตรวจสอบของหน่วยงานนั้น
                          (๒)   ชุดตรวจหรือเครื่องมือตรวจสอบโดยวิธี Immunoassay โดยให้ถือปฏิบัติตามคู่มือวิธีการ
                     ตรวจสอบของชุดตรวจหรือเครื่องมือแต่ละชนิด
                          ข้อ ๖  ในกรณีที่ตรวจหรือทดสอบในเบื้องต้นตามข้อ ๕ พบว่าบุคคลนั้นอาจเป็นผู้เสพยาเสพติดให้โทษ
                     ให้เจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จดบันทึกข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ  ภูมิลำเนา หรือสถานที่อยู่
                     ที่สามารถจะเรียกตัวหรือออกหมายเรียกมาเพื่อดำเนินคดีได้เมื่อมีการตรวจสอบยืนยันผลตามข้อ ๘ แล้วพบว่า
                     เป็นผู้มีสารเสพติดในร่างกาย
                          ข้อ ๗  ในการตรวจหรือทดสอบหาสารเสพติดในเบื้องต้นนั้น เมื่ออ่านผลแล้วปรากฏว่าให้ผลบวก
                     ตามคู่มือวิธีการตรวจตามเครื่องมือหรือชุดน้ำยาตรวจสอบในข้อ ๕ ให้ปิดเป็นความลับและให้เจ้าพนักงานหรือ
                     พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าพนักงานที่ทำการตรวจหรือทดสอบหาสารเสพติด
                     นำขวดปัสสาวะของผู้รับการตรวจหรือทดสอบนั้นปิดให้สนิท พร้อมทั้งผนึกปากขวดด้วยแถบกาวโดยมีลายมือ
                     ชื่อของผู้ทำการตรวจหรือทดสอบกำกับไว้ และเมื่อดำเนินการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ทำการตรวจ
                     หรือทดสอบรีบส่งตัวอย่างปัสสาวะไปยังสถานตรวจพิสูจน์ตามคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
                     ยาเสพติด  เรื่องกำหนดสถานตรวจพิสูจน์  หรือโรงพยาบาลหรือมหาวิทยาลัยของรัฐ   เพื่อตรวจยืนยันผล
                          ข้อ ๘  เมื่อสถานตรวจพิสูจน์ โรงพยาบาลหรือมหาวิทยาลัยของรัฐได้รับขวดปัสสาวะตามข้อ ๗ และ
                     ได้ดำเนินการตรวจยืนยันแล้ว ให้ถือเกณฑ์การตัดสินผลการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นผู้มีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย
                     ดังต่อไปนี้
                          (๑)   กลุ่มแอมเฟตามีน (Amphetamines) และกลุ่ม MDMA (ยาอี) เมื่อตรวจพบว่ามีสารดังกล่าว
                     อยู่ในปัสสาวะตั้งแต่ ๑ ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ขึ้นไป
                          (๒) กลุ่มโอปิเอตส์ (Opiates) ได้แก่ เฮโรอีน มอร์ฟีน และฝิ่น เมื่อตรวจพบว่ามีสารมอร์ฟีนอยู่ใน
                     ปัสสาวะตั้งแต่ ๓๐๐ นาโนกรัม/มิลลิลิตร ขึ้นไป
                          (๓)  กลุ่มกัญชา เมื่อตรวจพบว่ามีสารออกฤทธิ์หรือกัญชา (Cannabinoids) อยู่ในปัสสาวะ ตั้งแต่ ๕๐
                     นาโนกรัม/มิลลิลิตร ขึ้นไป
                          (๔)  กลุ่มโคเคน เมื่อตรวจพบว่ามีสารหรือเมตาบอไลต์ของโคเคน (Cocaine metabolites) อยู่ใน
                     ปัสสาวะตั้งแต่ ๓๐๐ นาโนกรัม/มิลลิลิตร ขึ้นไป
                          ข้อ ๙  ในกรณีจำเป็นและเพื่อประโยชน์ต่อการตรวจหรือทดสอบหาสารเสพติด ให้เจ้าพนักงานสั่ง
                     ให้ผู้ที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าเสพยาเสพติดไปรับการตรวจหรือทดสอบหาสารเสพติด ภายใต้การกำกับดูแลของ
                     เจ้าพนักงาน ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาและสถานที่ที่เจ้าพนักงานกำหนดในคำสั่ง
                          ให้นำความในข้อ ๘(๑) - (๔) มาใช้บังคับในการตัดสินผลการตรวจพิสูจน์ โดยอนุโลม
                          ข้อ ๑๐ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป*

                                                          ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๓

                                                                       บัญญัติ บรรทัดฐาน

                                                                                      รองนายกรัฐมนตรี
                                                                         ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด




                     *     ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗ ตอนที่ ๗๖ ง   ลงวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๔๓








       ��.���.1-140.indd   61                                                                      3/4/20   4:43:24 PM
   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78