Page 2 - เรื่องที่ ๑๔-๒๕๖๔ ระบบกล่าวหาและระบบไต่สวน2
P. 2
๒
เดิมทีเดียวผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีในระบบกล่าวหาไม่ใช่ผู้พิพากษาอาชีพที่เป็นองค์กรของรัฐ
ู่
ั
แต่เป็นบุคคลธรรมดาที่คู่ความมอบอำนาจให้ทำหน้าที่ผู้พิพากษา เพื่อชี้ขาดข้อขดแย้งของคความซึ่งเป็นที่มา
ของคณะลูกขุน
ระบบกล่าวหายังเป็นระบบที่วางหลักการให้คู่ความในคดีมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตาม หลักการนี้อาจไม่เป็นผล เมื่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่งเนื่องจาก
ฐานะทางสังคม อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ หรือความรู้ทางด้านเทคนิค เป็นต้น นอกจากนี้ ระบบกล่าวหาเป็น
ระบบที่มีการกำหนดรูปแบบของพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก (un grand formalisme des preuves)
๒
ซึ่งจะเห็นได้จากการกำหนดให้มีระบบพยานหลักฐานโดยกฎหมายไว
้
ั้
นอกจากนี้ ระบบกล่าวหาในคดีอาญาเป็นระบบวิธีพิจารณาคดีที่มีการดำเนินคดีเพียงขนตอน
เดียว คือ ในชั้นพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้น ผู้พิพากษาจะไม่มีบทบาทเชงรุกและจะวางตัวเป็นกลาง (passif
ิ
et neurte) โดยจะทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินชี้ขาดข้อขัดแย้งภายใต้หลักเกณฑ์ที่คู่ความทั้ง ๒ ฝ่าย มีสิทธ ิ
เท่าเทียมกัน ผู้พิพากษาตัดสินคดีโดยใช้ดุลพินิจพิจารณาจากพยานหลักฐานตามที่คู่ความเสนอ โดยหน้าที่ใน
การแสวงหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเข้ามาพิสูจน์ความจริงในคดีเป็นหน้าที่ของค่ความ ซึ่งผู้พิพากษาจะไม่
้
ู
เข้าไปยุ่งเกี่ยวในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดี และไม่มีขั้นตอนที่ให้อำนาจศาลในการไต่สวนหา
พยานหลักฐานในคดี
๑.๒ ลักษณะสำคัญของระบบกล่าวหาที่มีผลต่อบทบาทของคู่ความและศาล
ระบบกล่าวหาเป็นระบบวิธีพิจารณาคดีที่สอดคล้องกับหลักความประสงค์ของคู่ความ
(le principe dispositive หรือ The Principal of Party Disposition) ภายใต้ระบบกล่าวหาขอบเขตของคดี
และเนื้อหาของคดีเป็นไปตามความประสงค์ของคู่ความ (nemo judex sine actore ; ne eat judex ultra
ู่
petita et allegata a partibus) คความจะเป็นผู้กำหนดข้อเท็จจริงและเนื้อหาแห่งคดี เป็นผู้กำหนดทิศทาง
และความเป็นไปของกระบวนพิจารณา
ระบบกล่าวหาจึงเป็นระบบวิธีพิจารณาคดีที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคู่ความในคดี คู่ความ
จะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการริเริ่มคดี การดำเนินกระบวนพิจารณาคดี และในการแสวงหาพยานหลักฐาน
ผู้พิพากษาจะวางตัวในฐานะเป็นคนกลาง คอยควบคุมดูแลให้คู่ความทั้ง ๒ ฝ่ายปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ว่าด้วย
วิธีพิจารณาความที่กำหนดไว้ ศาลจะต้องถกจำกัดกรอบให้พิจารณาเฉพาะสิ่งที่ค่ความนำเสนอต่อศาลเท่านั้น
ู
ู
๓
ไม่มีอำนาจแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วยตนเองได้
นอกจากนี้ ระบบกล่าวหาเป็นระบบที่กำหนดระบบพยานหลักฐานโดยกฎหมาย (système de
preuves légales) ขึ้นมาใช้บังคับ ซึ่งระบบพยานหลักฐานโดยกฎหมายนี้ทำให้ผู้พิพากษาถกจำกัดอำนาจและ
ู
บทบาทในการใช้ดุลพินิจพิจารณาพยานหลักฐานด้วยตนเอง
ระบบกล่าวหายังเป็นระบบวิธีพิจารณาคดีที่ต้องการคุ้มครองสิทธิของคู่ความในคดีให้ได้
อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากคู่ความในคดีจะมีบทบาทหลักในการริเริ่มคดี การดำเนินคดี และการแสวงหา
ข้อเท็จจริงในคดี และมีสิทธิที่จะโต้แย้งต่อสู้คดีเช่นเดียวกับผู้ที่กล่าวหาตน
ระบบกล่าวหาได้รับการยอมรับแต่ดั้งเดิมว่าเป็นระบบวิธีพิจารณาคดีที่คุ้มครองสิทธิของ
ผู้ถูกดำเนินคดีอย่างมาก เนื่องจากการพิจารณาคดีที่กระทำโดยเปิดเผย คู่ความในคดีสามารถโต้แย้งคดคานได้
้
ั
และการที่ผู้พิพากษาไม่มีบทบาทเชิงรุกในคดี ทำให้สิทธิของคู่ความในคดีได้รับการคุ้มครอง
e
๒ Corinne RENAULT-BRAHINSKY, Procédure Pénale, 18 édition (Gualino, 2017-2018), p. 25.
๓ วรรณชัย บุญบำรุง, ธนกฤต วรธนัชชากุล, สิริพันธ์ พลรบ, เรื่องเดิม, หน้า ๗๒ - ๗๘.