Page 334 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 334

266
เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง เราจะเห็นว่าทุกครั้งที่เห็นชัดว่าจิตที่ทาหน้าที่รู้กับเวทนาแยกส่วนกัน และ เห็นชัดถึงการเกิดดับการเปลี่ยนแปลงของเวทนา ผลที่ตามมาก็คือ ตัวจิตที่ทาหน้าที่รู้หรือสภาพจิตเรา กลับมีความผ่องใสขึ้น ใสขึ้น ๆ ถามว่า ทาไมถึงใสขึ้น ? เพราะความแก่กล้าของสติของสมาธิและปัญญา น นั ่ เ อ ง ป ญั ญ า ท เี ่ ก ดิ ข นึ ้ ม า ไ ม ม่ ตี วั ต น ไ ม ม่ เี ร า จ ติ ย งิ ่ ต งั ้ ม นั ่ ย งิ ่ ผ อ่ ง ใ ส จ ติ ย งิ ่ ผ อ่ ง ใ ส ก ค็ อื จ ติ ท สี ่ ะ อ า ด ข นึ ้ ส ะ อ า ด ปราศจากโมหะเข้าไปครอบงานั่นเอง ไม่มีตัวโมหะเข้าไปหลงว่าเวทนาเป็นของเรา เราแพ้เวทนา เวทนาเกิด กบั เรา เราเปน็ เจา้ ของเวทนา โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ไมม่ คี วามรสู้ กึ วา่ เวทนานนั้ เปน็ ของเรา รแู้ ตว่ า่ เวทนาเขาเกดิ อยู่ในที่ว่าง ๆ และมีการเกิดดับไป นี่คือการพิจารณากาหนดรู้อาการของเวทนาที่เกิดขึ้น
ทีนี้ เมื่อพิจารณาตามสภาวธรรมที่ปรากฏ เวทนาเกิดขึ้นมาไม่สามารถบีบคั้นจิตใจให้เกิดความขุ่น มัวเศร้าหมองได้ และยิ่งใส่ใจกาหนดรู้ ยิ่งเกิดความรู้สึกผ่องใส หรืออิสระจากเวทนา เวทนาเหล่านั้นบอก อะไรแก่เรา ? อาการเวทนาตรงนี้ต่างจากเวทนาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันของเราอย่างไร ? คาถามก็คือว่า ความปวดอันนี้กับความปวดในชีวิตประจาวันต่างกันหรือเหมือนกัน ? ถ้าพูดถึงลักษณะความปวดแล้วไม่ ต่างกัน มีปวดมากมีแก่กล้าจนแทบจะทนไม่ได้เหมือนกัน มีปวดมาก ๆ ปวดน้อย มีน้าหนักหรือไม่มี น้าหนัก อันนี้เหมือนกัน แต่ที่ต่างกันคือตรงไหน ?
ที่ต่างกันก็คือ จิตที่ประกอบด้วยสติ-สมาธิ-ปัญญา เจตนาที่จะรู้ถึงสัจธรรมนั่นเอง จึงทาให้จิตเกิด ความผอ่งใสขนึ้มาเกดิความผอ่งใสเพราะเหน็ชดัวา่เวทนาทเี่กดิขนึ้มานนั้ถงึแมว้า่ทกุวนัเวทนานกี้ป็รากฏ เป็นระยะ ๆ แต่พอเมื่อมีสติ สมาธิ ปัญญาแก่กล้าขึ้นแล้ว กลับเห็นว่าเวทนาก็สักแต่เวทนา เวทนาปรากฏ เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ในที่ว่าง ๆ มีช่องว่างระหว่างเวทนากับจิตที่ทาหน้าที่รู้ และเวทนานั้นไม่สามารถครอบงา จิตใจให้เกิดความขุ่นมัวเศร้าหมองได้ กลายเป็นทุกข์ทางกายแต่ไม่ทุกข์ใจ นี่เพราะเห็นว่าเวทนาทางจิต กับเวทนาทางกายนั้นเป็นคนละส่วนกัน
ทีนี้ ขณะที่เราเห็นถึงความเป็นคนละส่วนกันแบบนี้ เราจะนาไปใช้พิจารณากับเวทนาที่เกิดขึ้น ในชีวิตของเราได้อย่างไร ? ที่จริงไม่ต่างกันเลย! เมื่อเราสามารถเห็นชัดได้ถึงเวทนาที่เกิดขึ้นกับจิตของ เราเป็นคนละส่วนกัน และสามารถทาให้จิตแยกห่างจากเวทนาได้ ให้ใหญ่กว่าเวทนาได้ ในชีวิตประจาวัน ของเราเมื่อมีเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น เพื่อที่จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเวทนานั้นมากจนเกินไป หรือเพื่อไม่ให้เวทนานั้นบีบคั้นจิตใจจนเกิดความขุ่นมัวเศร้าหมองของจิต ก็ด้วยการทาจิตให้กว้าง แยก ส่วนระหว่างจิตกับเวทนา พอแยกส่วนแบบนี้ เวทนาเขาเกิดอยู่ในที่ว่าง ๆ เป็นคนละส่วนกัน แล้วแยกเมื่อ ไหร่-ไม่มีเรา พอไม่มีเรา ถึงเวทนานั้นจะแก่กล้า แต่ก็ยังรู้สึกว่าทนได้เหมือนกับไม่ต้องกันฟันทน รู้สึกว่า รับได้สบาย ๆ
แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าปวดนะ บางคนแยกแล้วเอาจิตไปอยู่ไกลตัวห่างตัวไปเลย อยู่บนท้องฟ้าให้กว้าง เวทนาที่เคยมีก็รู้สึกว่าหายไปว่างไป หรือไม่รับรู้ถึงเวทนานั้นได้ พอแยกออกไปแล้ว ไปอยู่กับจิตที่ว่าง ไป อยกู่ บั ความรสู้ กึ ทวี่ า่ งทเี่ บาทสี่ งบ ปลอ่ ยใหเ้ วทนาเขาเปน็ ไปของเขา พอปลอ่ ยอยา่ งนนั้ พอไมใ่ หค้ วามสา คญั กร็ สู้ กึ วา่ เวทนานนั้ หายไป แตพ่ อมาสนใจกจ็ ะเหน็ วา่ เวทนายงั มอี ยู่ อนั นกี้ ม็ ี นคี่ อื การแยกจติ กบั เวทนาทเี่ รา


































































































   332   333   334   335   336