Page 352 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 352
284
เหมือนมัว ๆ สลัว ๆ หมอก ๆ เหมือนสลัว ๆ มัว ๆ เจตนาที่จะรู้ให้ชัดว่า อันนี้หมอก ๆ มัว ๆ นะ พอมีเจตนาที่จะรู้ปุ๊บ ความมัวสลายออกไป เจตนาที่จะรู้เขาจางหายไป เจตนาที่จะรู้ก็จางไป ๆ สมาธิสติมี กาลังมากขึ้น ตรงที่จางไปแต่ละครั้ง ๆ จริง ๆ นั่นคืออาการเกิดดับ เขาเรียกว่าอาการเกิดดับ ความมัวจาง หาย ๆ เริ่มจากตรงกลาง แล้วก็จางหายไปกว้างออก กว้างออกหายไป นั่นก็คืออาการเกิดดับอย่างหนึ่ง อัน นั้นคือสภาวะ เข้าใจนะ อ่อ! วิธีเติม...เพิ่มความนิ่ง
เดี๋ยวต่อไปจะลองดูว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะนิ่งพอไหม หรือว่านิ่งจนแบบเป็นหุ่นยนต์ จะเป็น หุ่นยนต์ก็ต้องยอมนะ เดินแบบนิ่ง แล้วก็สังเกตอาการ คงไม่ถึงขนาดนั้นนะ พวกเรา...เก่ง แต่ละคนนี่นะ ปฏิบัติเก่ง ทาได้ดี ทีนี้พอเพิ่มความนิ่ง...เจาะสภาวะ เพียงแต่ว่า พอเพิ่มความนิ่งใส่ใจอาการมากขึ้น สิ่งที่ ตอ้ งทา กค็ อื วา่ สงั เกตวา่ ตอ่ จากนสี้ ภาวธรรมจะเปน็ อยา่ งไร นงิ่ เพอื่ จะรวู้ า่ สภาวะทเี่ กดิ ขนึ้ เปลยี่ นไปอยา่ งไร สภาพจิตเปลี่ยนไปอย่างไร อาการเกิดดับของอารมณ์ต่าง ๆ ต่างจากเดิมอย่างไร อาการเกิดดับนี้เปลี่ยนไป อย่างไร ตรงนี้สังเกตแบบนี้เป็นหลัก นี่คืออารมณ์ของวิปัสสนา นั่นคือสภาวธรรม
ตรงที่เห็นการเปลี่ยนไป นี่คือปัญญาอย่างหนึ่ง เป็นตัวบอกว่า ปัญญาเราพัฒนาไปมากแค่ไหน ก้าวหน้า สภาวธรรมก้าวหน้าขึ้น เป็นตัวบอกถึงปัญญา ในเรื่องการ...เขาเรียกปัญญาในการพิจารณาอาการ พระไตรลักษณ์ พัฒนาขึ้น แก่กล้าขึ้น ตรงที่แก่กล้าขึ้น ก็คือสภาวะละเอียด แค่ไหนก็ตามก็ยังเห็นอาการ พระไตรลักษณ์ เห็นการเกิดดับเป็นของไม่เที่ยงอยู่ดี ละเอียดแค่ไหนก็เป็นของไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง อยู่ และยิ่งเห็นความละเอียด เปลี่ยนแปลง เห็นความไม่เที่ยง เห็นการเปลี่ยนไปมากเท่าไร จิตใจรู้สึกมี ความผ่องใสขึ้นไหม ตรงนี้...อิสระมากขึ้นไหม หรือเป็นอย่างไร อันนี้ให้สังเกต เป็นผลที่ตามมา เป็นงาน ของโยคี ขอให้ตั้งใจกัน
วันนี้การแสดงธรรมมา ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา ก็ขอหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความเจริญในธรรม จงมีแก่โยคีทุก ๆ คน เจริญพร
เดี๋ยวต่อไปเรานั่งสงบ นั่งกรรมฐานนิดหนึ่ง เป็นการเจริญพลัง นั่งเพิ่มพลังให้กับตัวเอง ลองใช้เลย นั่ง...เพมิ่พลงัความสขุเพมิ่พลงับญุยกจิตขนึ้สคู่วามสขุแลว้นงิ่อยใู่นความสขุอนันนั้เหมอืนทบี่อกเมอื่กนี้ี้ เราใช้งานต่อ นิ่ง...แล้วให้ความสุขนั้นมีพลังมากขึ้น หนาแน่นขึ้น นั่นคือเป็นพลังของบุญ ก่อนที่เราจะแผ่ เมตตา ขอให้ตั้งใจกัน ใช้เวลาสัก ๕ นาที...
ต่อไปเราจะแผ่เมตตากัน เมื่อรู้สึกว่าจิตเราเต็มไปด้วยพลัง มีความหนาแน่นไปด้วยพลัง ขอให้ตั้ง จิตอธิษฐานให้กับตนเอง ด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลวะ เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า จงเป็น ผู้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรมและเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน
จากนั้น ให้แผ่จิตที่เป็นบุญอันนี้ให้กว้างออกไปอีก ให้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ ให้ กว้างเท่าจักรวาล แล้วตั้งจิตอธิษฐานแผ่บุญกุศลอันนี้ ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบา อาจารย์ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เทวดาทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ ณ สถานที่