Page 365 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 365
297
ได้แต่รู้ ๆ ๆ จนใช้เวลาหายไป พอเวลาผ่านไป มารู้อีกที มันหยุดไปแล้ว หายไปแล้ว จึงไม่ได้เกิด ความรู้สึก เกิดความปีติ เกิดความอิ่มใจ เกิดความมั่นใจในตัวเองว่า เราสามารถละนิวรณ์อันนั้นได้ เรา ก็เป็นผู้หนึ่ง ที่สามารถเอาชนะจิตใจของตนเองได้ ดับนิวรณ์อันนั้นได้ อันนี้คือตัวสาคัญ แต่ถ้าเรารู้ว่าเรา กาหนด กาหนดอย่างไร แล้วทาให้นิวรณ์นั้นดับได้ เรามีเจตนาที่จะละนิวรณ์ตรงนั้นนี่นะ กาหนดแล้วดับ ได้ เราจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่า อ๋อ! นิวรณ์อันนี้เกิดขึ้นมา เราทาแบบนี้ก็ดับไป กาหนดอย่างนี้ก็ดับไป
ทีนี้อีกจุดหนึ่งที่พึงสังเกต ไม่ต่างอะไรจากอาการพระไตรลักษณ์ทั่วไป ถ้าอารมณ์เหล่านั้น นิวรณ์ นนั้ เกดิ ขนึ้ มาใหม่ ใหร้ ทู้ นั ทวี า่ เขาดบั เรว็ กวา่ เดมิ ไหม อารมณท์ จี่ ะมาเปน็ ตวั ขดั ขวาง เสน้ ทางการปฏบิ ตั ธิ รรม ของเรา พอผุดขึ้นมา เข้ามากระทบจิตใจปื๊บ ดับอย่างไร ดับเร็วกว่าเดิมแค่ไหน อย่างที่บอกแล้วว่า การที่ เราสนใจอาการพระไตรลักษณ์ อารมณ์ อาการเกิดดับที่เป็นอารมณ์ปรมัตถ์นี่นะ ผุดขึ้นมาแล้วดับ ผุดขึ้น มาแล้วดับ ตรงนั้นแหละ จะเป็นตัวละ ตัวละไปทุก ๆ ขณะ ไปเรื่อย ๆ
เพราะอะไร การจะละนิวรณ์ได้อย่างชัดเจนเด็ดขาดมากยิ่งขึ้น ต้องประกอบด้วยปัญญา ไม่ใช่แค่ กาลังของสติ แค่กาหนดรู้ แค่ขยายแล้วดับ ปัญญาคือการเข้าใจ และรู้ว่าต้องทาอย่างไร ปัญญาที่สาคัญก็ คือ ปัญญารู้ว่าต้องทาอย่างไร หรือทาอย่างไร อารมณ์นั้นถึงดับไปได้ คือรู้แนวทาง รู้วิธีการปฏิบัติสาหรับ ตนเอง ที่เหมาะสมกับจริตของตนเอง เหมาะสมกับตนเองว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอารมณ์อันนี้เกิดขึ้น กาหนด แบบนี้ เพิ่มความเด็ดขาดเข้าไป อารมณ์นั้นดับ ดับเร็ว ดับเร็ว เกลี้ยงเร็ว จิตมีความตั้งมั่น ตื่นตัวเร็วขึ้น อันนี้จะต้องรู้ ต้องจา
เราจะได้ไม่ต้องมานั่งทาซ้า ๆ ๆ แก้แล้วแก้อีก ซ้า ๆ เหมือนเดิม ๆ ที่บอกว่า บางครั้งนี่นะ เราดับ ได้ แต่เราไม่เข้าใจ หรือเราไม่อยากจะดับ มันเกิดขึ้นแล้วอย่าเก็บไปคิด คิดไว้ เก็บไว้เป็นที่ระลึก ที่ระลึก อยู่เรื่อย ๆ มันฝังอยู่ในใจเราลึกมาก นาน ๆ เจอที ก็ผุดขึ้นมาทีหนึ่ง ไว้เป็นที่ระลึก ที่ระลึกอยู่เรื่อย ๆ ไม่ เจอหน้าก็ระลึกถึงกัน เดี๋ยวก็ผุดขึ้นมา ผุดขึ้นมา ตัวนิวรณ์ตัวนี้ มันกลายเป็นว่า อ๋อ!เป็นความผูกมัดเรา เอง ให้เกาะเกี่ยวอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น
เ พ ร า ะ ฉ ะ น นั ้ ก า ร ท เี ่ ร า ป ฏ บิ ตั แิ บ บ น ี ้ ก า ร ท เี ่ ร า เ จ ร ญิ ก ร ร ม ฐ า น ท บี ่ อ ก ว า่ เ จ ร ญิ ก ร ร ม ฐ า น เ จ ร ญิ ว ปิ สั ส น า กรรมฐาน กจ็ ะมนี วิ รณเ์ กดิ ขนึ้ ในแตล่ ะชว่ ง แตล่ ะขณะ เปน็ บางเวลา หรอื บางวนั บางบลั ลงั ก์ กจ็ ะปรากฏขนึ้ เป็นธรรมดาเป็นปกติ อย่าหงุดหงิด หน้าที่ของเราคือ จัดการกาหนดละอย่างเดียว นิวรณ์ตัวไหนเกิดขึ้นมา ดบั ๆ ไมต่ อ้ งคดิ มากนะ...ทา ไมมาอกี แลว้ ทา ไมมาอกี แลว้ หนา้ ทเี่ ราเพยี รอยา่ งเดยี ว มากม็ า ฉนั จะเจรญิ สติ กาหนด แล้วเราจะเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไหร่ที่เราชนะนิวรณ์ได้ เราจะภูมิใจในตัวเอง ก็เราชนะตัวเอง
เหมือนที่สุภาษิตบอกว่า ไม่มีชัยชนะใด ยิ่งใหญ่เท่ากับการชนะใจตัวเองหรอก เราชนะตัวเอง เรา จะมีความสุข ชนะคนอื่นก็อย่างนั้นแหละ แต่ชนะใจตัวเองทาให้จิตเราสูงขึ้น ใสขึ้น สะอาดขึ้น มั่นคงขึ้น เข้มแข็งขึ้น มันจะเป็นกาลัง ที่จะป้องกันอารมณ์ที่ไม่ดี ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ทาให้เรามีความหนักแน่น มั่นคง มีความมั่นใจในตนเอง มีความเชื่อมั่น มีความศรัทธาในตัวเองเพิ่มขึ้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป นั่นแหละงาน ของผู้ปฏิบัติธรรม