Page 420 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 420
352
หายไป หายไป เหลือแต่ความรู้สึกที่ว่าง ๆ ไปในอากาศ อันนี้คือไม่ผิด เพราะว่าเราเดินแล้วเขาเรียกจิตเรา คลายอุปาทาน ไม่ยึดว่าเป็นกลุ่มก้อนไม่เป็นตัว เดินแล้วจิตเราว่างขึ้นว่างขึ้น อันนั้นไม่ผิด จากนั้นถ้าจะ สังเกตอาการ เราก็อาจจะช้าลงได้นิดหนึ่ง แล้วก็สังเกตการเคลื่อนไหวในความว่าง อันนี้เล่าให้ฟังนะ เผื่อ ว่าจะเอาไปทาดู
ทนี เี้ รายกจติ ขนึ้ สคู่ วามวา่ ง เราเดนิ เขา้ ไปในความวา่ ง ทนี เี้ ปลยี่ นใหมเ่ ปลยี่ นจากจติ ทวี่ า่ ง ๆ ใหเ้ ปน็ จติ ทสี่ ขุ เปลยี่ นเปน็ ความสขุ เตมิ ความสขุ เขา้ ไปในจติ ทวี่ า่ ง ๆ ความสขุ อนั นจี้ ะเปลยี่ นเปน็ ความนมุ่ นวลออ่ น โยนกไ็ ดน้ ะ เปน็ ความนมุ่ นวลออ่ นโยน แลว้ เราเดนิ เขา้ ไปในความสขุ ความนมุ่ นวลออ่ นโยน รปู เรากจ็ ะสงบ จะเบาไปด้วย เดินเข้าไปเหมือนเดินเข้าไปในความว่าง แต่เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปในความสุขความนุ่มนวล อ่อนโยน แค่นั้นเอง เดินเข้าไป เดินเข้าไปเราก็สังเกต ยิ่งเดินเข้าไปใจเรารู้สึกใจอย่างไร ใจเรายิ่งนุ่มนวล ยิ่งอ่อนโยน ที่ตัวยิ่งเต็มไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน สังเกตแบบนี้จิตเราก็เป็นกุศลเป็นความสงบ ถึงแม้ ยงั ไมเ่ หน็ อาการเกดิ ดบั ของการเดนิ กไ็ มเ่ ปน็ ไร นคี่ อื เรามเี จตนาทจี่ ะเดนิ เขา้ ไปในความวา่ ง มเี จตนาทจี่ ะเดนิ เข้าไปในความสุข ถ้ายิ่งเดินแล้วยิ่งสุขมากขึ้น อันนั้นถูกแล้ว อันนั้นไม่ผิด
ทีนี้เวลาเดินอีกอย่างหนึ่ง เวลาเรามาสังเกตอาการเกิดดับของการเดิน ต่อไปเวลาเราสังเกตอาการ เกิดดับของการเดิน ก็คือถ้าเราจะทาจิตของเราให้ว่างให้กว้าง แล้วก็เติมความสุขให้คลุมทั้งหมดทั้งตัว แล้วค่อยมารู้อาการเดิน ให้จิตที่มีความสุขคลุมอาการเท้าเรา ห่อหุ้มทั้งเท้าเราไปเลย เกาะติดไปเคลื่อนไป เคลื่อนไปแบบนี้ ช้า ๆ ช้า ๆ ไม่ต้องเร็ว เร็วเดี๋ยวไม่ทัน ช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ๆ กาหนดไปสังเกตไป จิตเราจะ ยิ่งสงบยิ่งเดินแล้วมันไม่เมื่อยง่าย เดินแล้วรู้สึกผ่อนคลายไม่เมื่อยง่าย แต่ก็สังเกตอาการเกิดดับได้จะได้ ไม่ปวดหัว
เดินจงกรมก็ปวดหัว นั่งดูลมหายใจก็ปวดหัว นั่งดูไปก็ปวดเข่า มีแต่ปวดทั้งนั้นเลย สร้างมาดีจัง เลยนะเรา...สร้างมาดี ที่บอกสร้างมาดี มีความปวดมาเป็นระยะ ๆ ไม่ให้เราหลับ ให้เราได้รู้ จริง ๆ นะ บาง แห่งบอกปฏิบัติต้องหาเวทนา ถ้าไม่มีเวทนาไม่ได้ ต้องหาใหม่ ต้องนั่งต่อไป ๑ ชั่วโมง ไม่เจอเวทนา เพิ่ม อีกเป็นชั่วโมงที่ ๒ เพิ่มไปเรื่อย ๆ จนเวทนามันชัด ถ้าเห็นเวทนา เออ!ดีแล้วถูกแล้วดูไปเถอะ การดูเวทนา นี่นะ เวลาเรานั่งกรรมฐานแล้วมีเวทนา เขาเรียกว่า เพื่อให้เราเห็นความทุกข์โทษของร่างกาย จะได้ไม่ต้อง ยนิ ดใี นการเกดิ เพราะเมอื่ ไหรท่ เี่ กดิ ขนึ้ มามรี า่ งกาย อยา่ งไรกต็ อ้ งมเี วทนา เขาเรยี กเวทนาเปน็ ทตี่ งั้ แหง่ กอง ทุกข์ ร่างกายเป็นที่ตั้งแห่งกองทุกข์ เป็นที่ตั้งของโรค
ถา้ เราไมม่ รี า่ งกาย โรคไมเ่ ยอะหรอก ความดนั ไมม่ เี บาหวานไมม่ านะ ปวดเขา่ ไมเ่ กดิ ขนึ้ หรอก ปวด ท้องไม่มีถ้าไม่มีร่างกาย เพราะนี่คือร่างกายเป็นที่ตั้งแห่งกองโรค ของกองโรคทั้งหลาย โรคอะไรก็อาศัย ร่างกายเกิดขึ้นมา มีอีกโรคหนึ่งที่ไม่อาศัยร่างกาย โรคอะไร...(โยคีตอบ) โรคจิต...โรคทรัพย์จาง โรคทรัพย์ จางไม่เกี่ยวกับร่างกายนะ ถ้าทรัพย์จางเมื่อไหร่ร่างกายซีด แต่ถ้าโรคของจิตใจของเรา เป็นอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดขึ้นมา แก้ได้อย่างไร โรคจิต สังเกตไหมพอมีโรคทางจิตแล้ว ไปให้ยารักษากาย เป็นโรคทางจิต แต่ให้ยารักษากาย เพื่อคลายความเครียด คือเขาแก้กัน